ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2016 ราวๆ สองปีที่แล้ว มีชายคนหนึ่ง ใช้เวลาในการพยายามสร้างเกมโดยอาศัยเกมที่เขาเคยเล่นในอดีตเป็นแรงบันดาลใจ ก่อนจะเพิ่มเติมสิ่งต่างๆ ที่เขาชอบเข้าไปในตัวเกม ด้วยตัวคนเดียว เขาค่อยๆ สร้างมันเป็นรูปเป็นร่างอย่างช้าๆ แก้แล้วแก้อีกจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์และออกวางขายบน Steam ในชื่อว่า Stardew Valley และในวันนั้นคือจุดเริ่มต้นของกระแสเกมทำฟาร์มแบบ Harvest Moon บน PC…
เกมเก่าเล่าใหม่ ทำไมถึงดังได้ล่ะนั่น
มันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกและอาจจะอธิบายได้ยาก ว่าทำไม Stardew Valley นั้นถึงดังเป็นพลุแตก ทั้งๆ ที่ตัวเกมนั้นก็เป็นหนึ่งในเกมฟาร์มแนว Harvest Moon ที่มีคนพยายามทำออกมาบ้างเป็นระยะๆ แต่ไม่สามารถแจ้งเกิดได้… ถ้าว่ากันจริงๆ แล้วมันก็มีหลายสาเหตุอยู่เช่นเดียวกันที่ทำให้ Stardew Valley ยืนอยู่บนสุดของชาวไร่ชาวสวนได้ในขณะนี้ (แต่หลังจากนี้ …. ก็คงไม่แน่ อิอิ)
► ย้อนอดีตไปกับ Harvest Moon
เป็นจุดหนึ่งที่บอกว่าเป็นจุดขายก็ว่าได้ เกมฟาร์มเป็นอะไรที่ดึงดูดใจผู้เล่นได้มากอยู่แล้วแนวหนึ่ง ซึ่งในสมัยก่อนนั้น ตัว Harvest Moon เป็นอะไรที่เป็นที่นิยมมากในกลุ่มคนเล่นเกม และแทบไม่มีคู่แข่งมาเทียบเคียงให้สูสี ทำให้ตัวเกมยิ่งเป็นที่จดจำมากขึ้น เมื่อระยะเวลาผ่านไป Harvest Moon ก็ยังคงออกมาเสริมเรื่อยๆ ในแต่ละภาค แต่ทางฝั่ง PC นั้นก็ยังไม่ค่อยมีเกมแนวนี้มากนัก และหลายคนก็เลือกที่จะจับ Emulator ของเครื่อง PlayStation ตามยุคสมัยแทนเสียอีก
การมาของ Stardew Valley จึงเหมือนกับจิ๊กซอร์ตัวสุดท้ายที่หายไปพอดี แปะลงไปบนช่องว่างของคนเล่นสาย PC ที่อยากเล่นเกมแบบนี้มานาน และนี่คือเกมใหม่ที่ให้บรรยากาศใกล้เคียงกันจริงๆ ไม่ใช่การเล่นผ่าน Emulator หรือเล่นเกมเดิมๆ ที่เล่นมาแล้วเป็นสิบปี
► ตัวเกมที่เข้าถึงได้ง่ายในหลากหลายกลุ่ม
การเข้าถึงคนเล่นเดิมๆ ของ Harvest Moon นั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ด้วยการที่ตัวเกมถูกทำออกมาให้มีภาพที่ดูน่ารัก เข้าใจได้ง่าย สดใส ตัวละครต่างๆ ที่มีรูปแสดงเวลาที่คุย เพลงประกอบที่รื่นเริง สิ่งเหล่านี้ทำให้มันเป็นเกมฟาร์มที่สดใส เหมาะกับทุกเพศทุกวัย แถมด้วยการที่สร้างตัวละครชายหรือหญิงก็ได้ และสามารถจีบได้ทั้งเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน ก็ยังจับกลุ่มคนเล่นได้ทั้งทุกเพศเลยทีเดียว
การที่ตัว Stardew Valley นั้นลงในเครื่องเล่นที่อยู่ในวงกว้างอย่าง PC ในตอนแรก (และในปัจจุบันที่มีในเครื่องอื่นๆ ด้วย) การเล่นในเกมไม่ได้ซับซ้อนมีระบบยุ่งยากมากมาย ทำให้ผู้เล่นในแต่ละกลุ่มสามารถเข้าถึงได้ง่าย ต่างคนต่างก็พูดคุยถึงตัวเกมได้อย่างออกรส ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแบบชิวๆ หรือการเล่นอย่างจริงจังเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน นอกจากนี้แล้ว ตัวเกมเองก็ยังมีส่วนเชิงลึกให้ผู้เล่นได้เข้าไปค้นหาหรือเล่นอย่างจริงจังได้อีกด้วยหากต้องการ ทำให้ตอบโจทย์ในวงกว้างได้มากขึ้น
► เรื่องราวและตัวละคร
ในการที่จะเป็นเกมฟาร์มที่จีบชาวเมืองได้นั้น สิ่งที่ดูลำบากก็คงไม่พ้นการสร้างตัวละครแต่ละตัวให้มีความน่าจดจำ มีเอกลักษ์และเข้ากันได้กับตัวเกม ไม่มีใครที่เด่นหรือจืดจางจนเกินไป ซึ่ง Stardew Valley เองก็ผ่านจุดนั้นมาได้อย่างน่าดูชมเช่นกัน ตัวละครในเมืองแต่ละตัวนั้นมีจุดเด่นของตัวเอง มีบทบาทหน้าที่ของตัวเองอย่างชัดเจน แถมบางคนยังมีเอกลักษณ์อะไรที่เรียกได้ว่าล้อกันยันลูกบวชได้เลย
ในขณะเดียวกัน แม้เนื้อเรื่องจะเป็นสูตรสำเร็จเหมือนกับเกมอื่นๆ ที่เดินตามรอย Harvest Moon มานั้น ตัวเกมก็ยังพยายามเพิ่มความเป็นตัวเองเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นตัวพ่อมดที่ไม่รู้เข้ากับเกมได้อย่างไร, เรื่องของทุนนิยมอย่าง Joja หรือการหลบหนีความจริงที่สะท้อนถึงสังคมตัวเมืองได้อีกด้วย ทำให้ตัวเกมนั้นมีความลึกมากขึ้นไปกว่าการทำฟาร์มเฉยๆ เพียงอย่างเดียว
► มีอะไรมากมายให้ทำ
จุดขายอย่างหนึ่งของเกมแนวฟาร์มนั่นคือผู้เล่นสามารถทำอะไรได้หลายอย่างตั้งแต่แรก และทำได้มากขึ้นโดยไม่มานั่งจำกัดอะไรมากมาย อันที่จริงก็ควรเรียกว่ามีอะไรให้ทำเยอะจนผู้เล่นหลงได้ง่ายๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผัก ตกปลา ขุดแร่ จีบชาวเมือง สำรวจพื้นที่ต่างๆ สิ่งเหล่านี้ที่แทบจะเป็นพื้นฐานของเกมแนวฟาร์ม Stardew Valley ก็สามารถหามาให้ผู้เล่นได้อย่างครบครัน ซึ่งจะต่างจากเกม AAA หลายเกมที่จะต้องเล่นไปซักพักใหญ่ๆ ระบบต่างๆ ถึงจะถูกปลดออกมา
หนำซ้ำยังเพิ่มเติมเข้าไปในจุดที่ตัวเกมที่เป็นแรงบรรดาลใจไม่มีให้ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของความเป็น RPG ก็ดี การปรับแต่งตัวละครก็ดี การสร้างสิ่งของต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง หรือแม้กระทั่งการตกแต่งบ้านของตัวเอง ทำให้ผู้เล่นสามารถหาสิ่งที่ตัวเองชอบทำได้ โดยไม่ต้องมานั่งจุกจิกอยู่กับสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบอยู่อย่างเดียว
► ความเป็น RPG ที่เพิ่มเข้ามา
ในขณะที่ตอบโจทย์ความเป็นเกมฟาร์มได้ดีแล้วนั้น ผู้พัฒนายังได้เพิ่มความเป็น RPG ให้กับตัวเกมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านระบบสกิลที่ช่วยให้การเล่นนั้นง่ายขึ้น หรือรู้สึกมีการเติบโตของตัวละครควบคู่ไปกับตัวฟาร์ม ระบบการต่อสู้ที่แม้จะไม่ได้ลึกล้ำ แต่ก็เพิ่มเติมลูกเล่นที่ดีให้กับตัวเกมได้ รวมถึงความลับต่างๆ พื้นที่ให้ออกสำรวจ เหมืองที่มีลักษณะเป็น Random Dungeon ให้ผู้เล่นได้แข่งกับเวลา (ถ้าเป็นเกมอื่นเวลามักจะหยุดไว้ให้)
สิ่งต่างๆ เหล่านี้นั้นช่วยผลักดันให้ Stardew Valley เป็นได้มากกว่าเกมฟาร์มที่เลียนแบบ Harvest Moon เฉยๆ และเทียบชั้นกับลูกพี่อย่าง Rune Factory ได้อย่างน่าดูชมเลยทีเดียว
► ไม่กดดันผู้เล่นมากจนเกินไป และมอบเป้าหมายให้
บางอย่างก็จัดว่าเป็นจุดด้อยของเกมแนว Casual นั่นคือการกดดันผู้เล่นอย่างต่อเนื่องให้ผู้เล่นมีอะไรต้องทำอยู่ตลอดจนผู้เล่นรู้สึกเครียด หรือถูกกระตุ้นตลอดเวลาในเกมที่ควรจะได้ผ่อนคลาย และในทางกลับกัน เกมที่มีความเป็นอิสระมากจนเกินไปนั้นก็จะส่งผลให้ผู้เล่นไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี และต้องหาคำตอบให้กับตัวเองระหว่างเล่น ว่าเล่นไปเพื่ออะไร
Stardew Valley ได้พยายามมายืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองจุดนี้ในฐานะเกมฟาร์มสบายๆ Casual แต่ก็ไม่ได้อิสระไปจนเคว้ง ในขณะที่ผู้เล่นมีอิสระ อยากจะทำอะไรก็ทำได้ ตัวเกมก็แอบใส่เป้าหมายให้กับผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นการหาเงินมาจ่ายค่าโปรเจคต่างๆ ของ Joja, การหาของมาบรูณะ Community Center พร้อมกับปิดฉากด้วยการมาเยี่ยมเยียนของคุณปู่ และคำบอกใบ้ของเทียนว่าผู้เล่นประสบความสำเร็จที่ตัวเกมกำหนดไว้อย่างลับๆ แค่ไหน แน่นอนว่าแม้จะเป็นเป้าหมายในเกม แต่ตัวเกมก็ไม่กำหนดตายตัวว่าจะให้เสร็จเมื่อไหร่ พลาดตรงนี้ไปจะกลับมาอีกไม่ได้ ผู้เล่นมีโอกาสแก้ไขได้โดยไม่ต้องเล่นใหม่ด้วย
► สร้างและดูแลด้วยตัวคนเดียว
อันที่จริงก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก แต่เป็นเหมือนกับแรงจูงใจหรือแรงผลักดันให้ผู้เล่นเกิดความสงสัย หรืออยากลองได้ ว่าเกมที่ทำโดยคนๆ เดียวเทียบชั้นกับทีมงานและเกมสุดดังในอดีตไหวเหรอ หรือจะด้วยอารมณ์แบบ ช่วยสนับสนุนคนที่ทุ่มเทตัวเองเพื่อเกมโดยตัวคนเดียวก็มีอยู่เช่นเดียวกัน
การที่ทำด้วยตัวคนเดียวนั้นทำให้เขาต้องแบกรับภาระทั้งหมด เมื่อเกมเปิดตัวและทำได้อย่างที่ตั้งใจ ก็เป็นเหมือนกับการโฆษณาให้กับตัวเกมอย่างยิ่งใหญ่ว่า เกมนี้ถูกสร้างด้วยตัวคนเดียวแต่สามารถเทียบชั้นกับเกมระดับ AAA ของค่ายยักษ์ใหญ่ได้ไม่แพ้กัน และตัว Eric Barone คนสร้างเองก็เป็นผู้พัฒนาเกมที่มีอารมณ์ขัน โต้ตอบปัญหากับผู้เล่นเป็นอย่างดีจนซื้อใจผู้เล่นได้อีกด้วย
► เปิดให้ผู้เล่น Mod ตัวเกมและเล่นอย่างที่ตัวเองต้องการ
แม้จะเป็นดาบสองคมที่ทำให้บางครั้งมีผู้เล่นเล่นโกง หรือปรับแต่งเกมจนเสียหายได้ แต่ Stardew Valley นั้นก็ถือหลักว่า นี่คือเกมของคุณ คุณจะเล่นอย่างไรก็เรื่องของคุณ ขอเพียงมันสนุกโดยไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็พอแล้ว และเปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้แก้ไขตัวเกม ทำ Mod ปรับแต่งต่างๆ ได้อย่างที่ต้องการ ซึ่งผลลัพพ์ก็คือ ผู้เล่นต่างทำ Mod ให้เกมง่ายขึ้นบ้าง สะดวกขึ้นบ้าง เปลี่ยนหน้าตาตัวละครให้เป็นอย่างที่ต้องการบ้างเป็นที่สนุกสนาน และนั่นก็ทำให้ผู้เล่นชอบเกมนี้มากขึ้นไปอีก
แน่นอนว่ายังไม่รวมไปถึง Bug บางอย่างที่อำนวยความสะดวกให้กับคนเล่น แต่คนสร้างเองก็จงใจปล่อยมันเอาไว้เพราะว่ามีไว้มันก็สนุกดีเช่นเดียวกัน ทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าอยากจะใช้ Bug ให้เล่นง่ายขึ้นหรือจะเล่นอย่างตรงไปตรงมาได้ อย่างไรซะก็เป็นเกมที่เล่นคนเดียวไม่ใช่เกม Online แข่งขันกับใคร ความสนุกและเพลิดเพลินจึงมาเป็นอันดับแรกๆ เสมอ
พอลองมองย้อนดูแล้วนั้น ก็ต้องเรียกว่าตา Eric Barone จอมกวนนี้ เป็นคนที่มีความตั้งใจและพยายามอย่างมากเลยทีเดียว ที่ใช้แรงบรรดาลใจของเขาในการสร้างเกมด้วยตัวคนเดียวออกมาจนประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ แม้ว่าในด้านของการทำงานส่วนของ Co-op นั้นจะช้าจนไม่ทันการ และอาจจะเจอเกมยุคนี้แซงเอาได้ง่ายๆ แต่ก็คงต้องบอกได้ว่า เกมต่างๆ ที่ออกตามหลังมานั้นก็ยังไม่สามารถขึ้นไปยืนบนตำแหน่งเดียวกับ Stardew Valley ได้นัก
แต่ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่มีวันเลิกรา อาจจะมีซักวันที่ Stardew Valley ค่อยๆ เดินลงมาจากตำแหน่งยกให้กับเกมอื่นก็เป็นได้ แต่ก่อนจะถึงวันนั้น มงกุฎดอกไม้ก็ยกให้กับ Stardew Valley กันไปก่อนละกันจ้า