สวัสดีครับ Rhyme ครับ
กลับมาพบกับบทความแนะนำสายอาชีพเด็ดกันอีกเช่นเคยนะครับ โดยในบทความนี้เราจะมาพูดถึง 3 อาชีพเด็ดของสาย Cleric หรือ “พระ” นั่นเอง
เพื่อนๆหลายคนคงจะเคยได้ยินมาจากผู้เล่นเก่าว่าพระใน Tree of Savior นั้นไม่ใช่พระ มันคือนักเวทย์มี Heal อะไรทำนองนั้น ก็…ไม่ปฏิเสธครับ เราสามารถเล่น Cleric เพื่อไปเป็นสาย damage ได้อย่างไม่มีปัญหา แต่ในเรื่องการ support ถ้าหากเลือก Build ที่เหมาะสมกับ party ก็สามารถ support ได้ดีมากๆเช่นกัน
อ้าว…?? สรุป support ก็ได้ damage ก็ได้งั้นหรอ ?
อ่า…ใช่ครับ แหะๆ…
ทำความเข้าใจกันก่อน
บทความนี้เป็นแค่การแนะนำสายอาชีพน่าเล่นให้กับเพื่อนๆ ไม่ใช่การฟันธงว่ามันคือ Build ที่ดีที่สุด
ทางผู้เขียนได้ลองแบ่งดูแล้ว แต่ทว่าสาย Cleric นั้นมันสามารถแบ่งได้มากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็น PvE Support, PvE Damage (Physical และ Magical), PvP Support, PvP Damge ฯลฯ
ดังนั้น…ทางผู้เขียนจึงขอวิสาสะตัดสินใจเลือกเอาเองนั่นคือ
PvE Support (Earth Tower), PvE Damage (Physicall), PvP Support แล้วกันนะครับ
สำหรับ PvE Damage (Magical) นั้นถ้ามี request มาก็คงจะเขียนเพิ่มเติมให้นะ ไม่ใช่ว่ามันไม่ดีนะมันเก่งเลยแหละ
PvE Support (Earth Tower)
Cleric C3 – Priest C3 – xxx – Taoist
ตัวอย่าง Build
http://www.tosbase.com/tools/skill-simulator/build/406yjh0rkd/
1 Dievdirbys
by : Fuse-
http://www.tosbase.com/tools/skill-simulator/build/xnslnnv13j/
1 Krivis
by : easpirit
คำอธิบายเพิ่มเติม
“Full Support ที่แท้จริงใน Earth Tower”
เรียนให้ทราบตามตรงครับว่า Cleric PvE Support (Earth Tower) นั้นสามารถ Build ได้หลากหลายมากๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของ party ว่าในขณะนั้นต้องการ Support แนวไหน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคุยกันกับเพื่อนๆใน party ว่าอยากได้ buff อะไรเป็นพิเศษหรือไม่นะครับ
โดยการที่จัด Build มาให้แบบนี้ทางเราคิดว่าน่าจะเป็นอะไรที่ดูครบเครื่องมากที่สุดแล้วครับ
ทำไมต้อง Cleric C3, Priest C3 และ Taoist
Heal และ Safety Zone ที่ Circle 3 จะดึงประสิทธิภาพของ skill ออกมาได้มากที่สุด คงไม่ต้องลงลึกเรื่องความสามารถของ skill และ attribute ของ 2 skill นี้หรอกเนอะ
Divine Might ที่ช่วยเพิ่ม level ของ skill 1 level โดยที่ level 5 นั้นก็เพียงพอต่อ party แล้วครับ ส่วน Fade นั้นก็เอาไว้ใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินในกรณีที่ monster เข้ามาหาเราเยอะเกินไป เราจะสามารถลบ aggro ของ monster ได้เมื่อใช้ skill นี้ครับ ซึ่งจะอัพ 5 หรือ 4 แล้วไปลง Cure ไว้ 1 เพื่อลบ debuff ก็แล้วแต่ชอบ
มาถึง Highlight ของ Cleric Circle 3 อย่าง skill Guardian Saint หลายๆคนอาจจะมองข้าม skill นี้ แต่พอเรียน attribute Guardian Saint: Change Target ที่จะทำการเปลี่ยนมาให้คนที่รับ damage เป็นตัวผู้ร่ายเอง โดยจะกันเป็นจำนวน Hit นะ
เผื่องงก็ประมาณว่า เพื่อนของเราเหยียบวง skill Guardian Saint ของเราไป damage ที่เพื่อนโดนจะส่งมายังที่ตัวเราประมาณนี้ และยังมี attribute ที่ลด damage ที่ได้รับสูงสุดถึง 50% อย่าง Guardian Saint: Decreased Damage นอกจากนั้น skill นี้ยังทำให้เราติดสถานะขาแข็ง ไม่ล้มไม่กระเด็นเหมือนกับมี buff Pain Barrier ของ Swordsman อีกด้วย
*สามารถใช้คู่กับ Divine Might เพื่อเพิ่มจำนวน hit ที่สามารถรับ damage แทนได้ จาก 15 hit เป็น 18 hit
Monstrance, Blessing, Revive และ Stone Skin เป็น buff ของ Priest ที่ดีมากๆเวลาลง Earth Tower ครับ
โดยนอกจาก Monstrance ที่ลงไว้แค่ 1 ก็เพียงพอต่อการเพิ่มค่า DEX ให้กับ Party แล้ว โดยการอัพ level ของ Monstrance ก็ไม่ได้เพิ่มอะไรให้อีกนอกจากขอบเขตของวงเวทย์แค่นั้นเองครับ อีก 3 buff ที่เหลือ กดให้เต็มไปเลยครับ เพื่อนๆใน Party ขาดไม่ได้จริงๆ
ทำไมถึงไม่อัพ Aspersion และ Sacrament ล่ะ ?
เหตุผลง่ายๆคือ เราสามารถหาซื้อ buff เหล่านี้ได้ที่ร้านของ Pardorner ถ้าเราไม่ตายในการลง Earth Tower หรือ buff ไม่ล้น buff เหล่านี้จะอยู่กับเราได้นานมากอยู่แล้วครับ
ถึงบางคนเลือกที่จะอัพ Sacrament เพียงแค่ 1 โดยจะลด level ของ skill Resurrection ลงก็ตาม
ก็เพิ่ม damage ให้กับ party ขึ้นมานิดนึงไม่ได้มากมายอะไรครับ ก็ลองเลือกกันดูหรือถามสมาชิกใน Party ว่าจะอัพหรือไม่อัพดี
Resurrection เป็นสกิลที่ควรอัพเป็นอย่างยิ่งครับ จะ level 3 หรือ 5 ก็แล้วแต่ความชอบ โดยยิ่ง level ของ skill Resurrection สูง เวลาในการร่ายก็จะยิ่งไว (ที่ level 3 ร่าย 4 วินาที, ที่ level 5 ร่าย 2 วินาที) และฟื้นฟู HP ของสมาชิกใน Party เป็นเปอร์เซ็นต์มากขึ้นตามไปด้วยครับ
นอกจากนั้นยังมี Skill ประเภท Heal เพิ่มมาอีก 1 อย่าง Mass Heal ที่จะทำการ Heal ให้เพื่อนๆที่อยู่ข้างหน้า โดยขึ้นอยู่กับค่า Max HP ถือว่ามีประโยชน์และใช้งานได้ดีมากๆในกรณีที่ Heal ของ Cleric ของเรานั้นยังติด cooldown นั่นเองครับ
Skill สำคัญของ Taoist อย่าง Storm Calling ที่มี attribute สุดแจ่มคือ Storm Calling: Additional Damage โดย attribute นี้จะทำการเพิ่ม additional damage ให้กับการโจมตีระยะประชิดอีก 50% หากอยู่ในรัศมีของ skill นับว่าดีมากๆ
และ Skill ยันต์ที่เอาไว้หลบ monster อย่าง Dark Sight ที่จะทำให้เราและสมาชิกใน Party ล่องหนเป็นเวลา 5 นาที (ที่ level 5) ซึ่งมากพอที่จะทำให้เรายืนในชั้นที่มีภารกิจให้เอาตัวรอดได้อย่างสบาย เป็นการพักมือ และประหยัด item ไปในตัวครับ
ทางเลือกใน Rank 7
เรียนให้ทราบตามตรงครับว่าการจะเลือกอาชีพที่จะเข้ามาอยู่ใน rank 7 มันเลือกได้เยอะ โดยหลักๆก็จะมีอยู่ 4 อาชีพ ที่สามารถนำเข้า build ได้อย่างที่เพื่อนๆเห็นนั่นแหละครับ โดยแต่ละอาชีพก็จะมีจุดเด่นในการ support Party แตกต่างกันไป คงจะต้องให้เพื่อนๆตัดสินใจกันดูเอง โดยอิงจากความต้องการของสมาชิกใน Party น่ะครับ
Krivis
การที่เราเลือกสายนี้นั้นจะช่วยเราประหยัดในเรื่องของใบ scroll skill Daino ที่จะเพิ่มจำนวน maximum buff ที่เราและ party สามารถรับได้ครับ เหมาะสำหรับ Party ที่ใช้ buff เยอะ และผู้เล่นต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
Dievdirbys
พระเสาที่ circle 1 ก็สามารถทำประโยชน์ได้ค่อนข้างมากจากเสาลด cooldown และเสาลดการใช้ sp ถึงแม้ว่า level skill จะต่ำ แต่ก็เห็นผลอยู่ครับ
Miko
ในกรณีที่ Party ใช้พระ 2 คน เราสามารถเลือก Miko มาช่วยเพิ่ม damage ให้กับสายโจมตีระยะประชิดอย่าง Doppelsoeldner ด้วย skill Kagura ที่จะให้ตัวละครของเราเต้น ซึ่งจะทำให้เราไม่สามารถใช้ skill ใดๆได้เลย ดังนั้นจะเป็นอะไรที่เสี่ยงมากหาก dps ของเราไม่สามารถเอาชีวิตรอดใน Earth Tower ชั้นนั้นๆได้
ก็พอจะมี Trick สำหรับการใช้ Kagura ให้ปลอดภัยไม่โดนขัดอยู่ คือ
– Kagura พร้อมกับ Dark Sight (ของ Taoist) หรือ Fade
แบบนี้จะไม่สามารถใช้ Storm Calling (ของ Taoist) ที่มีความสามารถในการเพิ่มพลังในการโจมตีอีก 50% สำหรับสายโจมตีระยะประชิด
– Kagura + Storm Calling ใน safety zone
แบบนี้จะสามารถ Boost Damage ให้สายโจมตีระยะประชิดมากที่สุด
*อย่าลืมพก scroll Daino เพราะ buff ล้นแน่นอน
Oracle
มีความสามารถในการป้องกัน debuff level 1 จาก skill Prophecy และสามารถดู Hit-Box ของ boss จาก skill Forecast ได้ ซึ่งจะทำให้เราสามารถหลบการโจมตีต่างๆได้ง่ายขึ้น (เอาจริงๆถ้าลงจนชำนาญ skill นี้ไม่ต้องก็ได้)
และ skill ป้องกันการโจมตีจากเวทย์มนต์รวมถึงสามารถลบพื้นเวทย์มนต์ได้อย่าง Counter Spell
โดยรวมแล้วเป็นทางเลือกที่คนนิยมเลือกน้อยที่สุดน่ะนะ…
ข้อเสียล่ะ ?
- การเก็บ level ค่อนข้างยากนิดหน่อยในช่วงหลังๆ ถ้าเป็นคนขี้เบื่อกับการกดบัฟแล้วก็ทุบๆ ไม่ค่อยมีอะไรหวือหวา Build นี้เท่าไหร่ อาจจะไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่
- เป็น Build ที่ออกแบบมาเพื่อ Earth Tower โดยเฉพาะ ดังนั้นถ้าหากจะเล่น content อย่าง PvP จะไม่ค่อยมีประโยชน์กับ Party เท่าไหร่
PvE Damage (Physical)
Cleric C2 – Priest C2 – Monk C3 – Inquisitor
ตัวอย่าง Build
http://www.tosbase.com/tools/skill-simulator/build/r2tr5o5xvz/
by : Valkoria
http://www.tosbase.com/tools/skill-simulator/build/95qsvrdczz/
ของคนนี้รายละเอียดจะเยอะกว่าด้านบน อีกทั้งยังมี build ทางเลือกไป Dievdirbys C2 ด้วย ลองอ่านดูนะ
(Dievdirbys สามารถ burst damage ได้ดีกว่า Priest)
by : renzhe
คำอธิบายเพิ่มเติม
“ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! อะ…อ้าว monster หายไปไหนละ?”
เป็น Cleric ที่มีการโจมตีระยะประชิด ดังนั้น status ที่เน้นจะกลายเป็น STR และ DEX แทน มีความสามารถในการ burst damage ใส่ monster ได้ดีจาก skill ของ Inquisitor อีกทั้งยังสามารถทำ damage ได้อย่างต่อเนื่องจาก skill ของ Monk PvP ก็ได้ ล่า Boss ก็ดี (ถ้าของถึง) จัดว่าเป็นสายโจมตีระยะประชิดที่ครบเครื่องทีเดียวครับ
ทำไมต้อง Cleric C2, Priest C2, Monk C3 และ Inquisitor
ที่เราเล่น Cleric C2 เป็นเพราะว่าที่ C1 นั้น Heal จำนวน 5 ช่องไม่เพียงพอแน่นอนครับ ส่วน Divine Might ที่เพิ่ม level skill ของเราอีก 1 level ก็ดีมากๆสำหรับ skill ที่ใช้โจมตีต่างๆของเรา ทั้ง 2 skill กดเต็มไปเลยครับ
Cure และ Safety Zone อยู่ที่เราเลือกแล้วครับว่าจะกดทั้ง 2 skill เท่าไหร่ แต่ถ้าจะให้แนะนำคือ Cure ที่ level 10 ไว้ทำ damage ในช่วงต้น และ Safety Zone ที่ level 4 และไปอัพ attribute เพิ่มจำนวนการป้องกัน ซึ่งจะได้การป้องกันทั้งหมด 28 Hit ก็ถือว่าพอแล้วครับ
Fade ที่ level 1 พอครับ เอาไว้ลบ aggro ของ monster หรือลบพวกเวทย์พื้นที่
skill เหล่านี้คือเหตุผลที่เรากดเลือก Priest C2 มาครับ อย่าลืมว่า Monstrance เอาแค่ level 1 เพื่อเอาผล buff เพิ่ม DEX ให้กับเราก็พอแล้ว ส่วนที่เหลือ กดเต็มไปเลยครับ
ถ้าถามว่าความแรงของ buff ขึ้นอยู่กับค่า SPR แบบนี้จะไม่เป็นไรหรือ? เพราะว่าเราเล่น STR+DEX
ขอตอบว่า ไม่เป็นไรครับ ถึงจะเบากว่า แต่ด้วยความที่เราสามารถใช้ skill นี้เมื่อไหร่ก็ได้ ทำให้ไม่ต้องไปที่ร้านขาย buff บ่อยๆ ก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่นะ อ้อ Revive นี่นอกจากจะช่วยกันเราตายแบบฉุกเฉินแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ใน PvP เพื่อให้ฝั่งตรงข้ามฆ่าเราได้ยากขึ้นด้วย
Double Punch เป็น skill ที่ไม่มี cooldown นั่นหมายความว่ามันคือ skill หลักในการโจมตีของ Monk เลย ในตอนนี้จะใช้ Stamina ในการใช้ skill ทำให้เราเปลืองเงิินซื้อยา stamina แต่ในอนาคตอันใกล้ จะเปลี่ยนไปใช้ SP แทน ซึ่งราคาถูกกว่าเห็นๆเลย เพราะฉะนั้นกดเต็มไปเลยไม่ต้องห่วง! skill นี้ยังสามารถไปต่อยอดกับ skill Breaking Wheel ของ Inquisitor ได้อีกด้วยนะ
One Inch Punch และ God Finger Flick เป็น 2 skill ที่ทำ damage ได้มหาศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง God Finger Flick ถ้าหากของแรงๆ อัพ attribute เพิ่มความแรงมาสามารถยิงคนร่วงในการโจมตีครั้งเดียวเลยล่ะ! อีกทั้ง 2 skill นี้ยังสามารถไปต่อยอดกับ skill Breaking Wheel ของ Inquisitor ได้อีกด้วยนะ
Palm Strike และ Hand Knife 2 skill นี้ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะกดไว้เท่าไหร่ แต่อย่างน้อยๆ Hand Knife ก็ต้องอัพไว้ 1 นะครับ เพราะว่า Hand Knife มี attribute ที่ชื่อว่า Armor Break หรือทำลายเกราะนั่นแหละอัพไว้เพื่อเอา attribute ครับจะทำให้เราทำ damage จาก skill อื่นๆได้แรงึ้นมากๆเลย
ทำไมถึงไม่อัพ skill monk 3 skill นี้ ?
Iron Skin และ Golden Bell Shield หาโอกาสใช้งานในสถาณการณ์จริงยากมากครับ
ส่วน Energy Blast นั้นไม่เหมาะกับการ PvE อย่างแรง แต่ถ้า PvP ก็ถือว่ายังพอใช้ได้ครับ ถ้าแต้ม skill เหลือแล้วไม่รู้จะลงอะไรก็ค่อยมาดู 3 skill นี้ละกันเนอะ
God Smash และ Breaking Wheel skill หากินหลักของ build นี้เลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ God Smash นั้นทำ damage ได้มหาศาล และยังมี animation ที่น้อยมาก รวมถึงสามารถกดใช้ได้ถึง 3 ครั้งติดกันก่อนจะขึ้น cooldown (หรือที่เราเรียกว่า overheat) ทำให้ Inquisitor เป็นที่ 1 ของ Cleric สาย Physical Attack เลยล่ะครับ ตัว skill Breaking Wheel นั้นถ้ามองผ่านๆอาจจะดูไม่มีอะไร แต่ของเด็ดคือ attribute ของ skill นี้ต่างหากครับ นั่นก็คือ Breaking Wheel: Additional Damage ตัว attribute มีความสามารถในการขยายขอบเขตการโจมตีของ skill เมื่อเราทำการโจมตีใส่ตัวกงล้อโดยตรง ในกรณีที่มี debuff จากการโจมตี ก็จะกระจายใส่ไปด้วย ถือว่าเป็น skill ที่ดีมากๆครับ โดยเราสามารถนำไปใช้กับ skill Monk ได้ด้วยนะ
https://www.youtube.com/watch?v=vVGYlazv6fU
Malleus Maleficarum เป็นอีก 1 skill โจมตีอง Inquisitor ครับ แต่ตัวนี้จะเป็น Magic นั่นหมายความว่าหลบไม่ได้นั่นเอง โดยหากศัตรูมีค่า Magic Attack มากเท่าไหร่ skill นี้ก็จะยิ่งแรงมากขึ้นเท่านั้นครับ นอกจากนั้นศัตรูจะติด debuff ทำให้โดน damage แรงขึ้นซึ่งก็อิงจาก Magic Attack ของตัวศัตรูนั่นแหละครับ หลายๆคนเลือกที่จะอัพไว้ 4 เพื่อไปลง skill Pears of Anguish ไว้ที่ 1 เพื่อเอาไว้ใช้ใน PvP ครับ
ข้อเสียล่ะ ?
- กว่าจะเก่งนี่ค่อนข้างใช้เวลาครับ และต้องมีของในระดับนึงถึงจะทำไปล่า boss และ pvp ได้
- เนื่องจากเป็น build ที่ support party ได้ไม่สุด เวลาจะลง earth tower อาจจะต้องเรียก cleric support มาเพิ่มอีกคนเพื่อ party จะได้ไม่เสี่ยงจนเกินไปครับ
PvP Support
Cleric C2 – Priest C3 – Oracle C1 – Kabbalist C2
ตัวอย่าง Build
http://www.tosbase.com/tools/skill-simulator/build/s659s1251j/
by : Fuse-
คำอธิบายเพิ่มเติม
“สะท้อน 7 ที ดีจังเลย~”
เวลาเจอฝั่งตรงข้ามที่มีสายนี้อยู่ใน party เหล่า dps นี่แทบจะกุมขมับกับ skill ช่วยเหลือ และกวนประสาทอง build นี้ครับ…เป็น Full Support ที่สามารถฆ่าคนได้ถ้าหากฝั่งตรงข้ามไม่ระวัง อีกทั้งยังมี skill ต่างๆไว้ช่วยเหลือ party อย่างครบครัน
ทำไมต้อง Oracle และ Kabbalist C2 ?
สำหรับในส่วนของ Cleric และ Priest จะขอไม่พูดถึงแล้วนะครับ เพื่อนๆคงทราบกันดีว่า 2 อาชีพนี้ support เพื่อนๆได้จาก skill อะไรกันบ้างจากคำอธิบายใน build ก่อนๆเนอะ
Counter Spell คือ skill ที่สามารถลบล้าง skill ที่อยู่บนพื้นได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Frost Cloud, Rise หรือ skill กับดักต่างๆ อีกทั้งถ้าอยู่ในระยะของ skill นั้นจะไม่โดน magic damage และการโจมตีประเภทไกลอีกด้วย สำหรับ Prophecy เป็น buff ที่สามารถป้องกัน debuff level 1 ได้ ซึ่งก็แทบจะกันได้ทุก skill ที่มีผลใน PvP แล้วล่ะครับ
Revenged Sevenfold ที่กล่าวไว้ข้างต้นนั่นแหละครับ ว่าถ้าหากไม่ระวังละไม่สังเกต buff นี่บนหัวของตัวละครของทีมเรา และใช้ skill ใส่สุดแรง skill นี้ก็จะทำให้เราโดน damage เพียงแค่ 1 แต่จะสะท้อน damage เต็มๆกลับไปยังฝั่งตรงข้ามถึง 7 ครั้ง… แน่นอนว่าตายชัวร์ๆ ส่วน Ein Sof จะเป็นการเพิ่ม max HP ให้กับคนที่เข้ามาเหยียบ และยังมี attribute เมื่อเหยีบแล้วจะทำการฟื้น sp ให้อีกด้วย เอาไว้ใช้ได้ตามสถานการณ์เลยล่ะครับ
ข้อเสียล่ะ ?
- ชีวิตมีแต่ support ครับ ฆ่า monster ได้ค่อนข้างช้า แต่ก็ไม่ได้ช้ามากขนาดฆ่าไม่ได้เลย เพราะเรายังมี buff จาก Priest อยู่
- ต้องอาศัยประสบการณ์ค่อนข้างเยอะในการกดใช้ skill Revenged Sevenfold เพราะว่าสามารถถูกแก้ทางได้ ง่ายมาก โดยการโจมตีธรรมดาใส่เมื่อติด buff นี้ก็จบแล้ว ดังนั้นต้องดูจังหวะดีๆก่อนใช้งาน
- buff เยอะมากกกก กดกันมือหงิก จัดสรรเวลาใช้ดีๆ เตรียม scroll Daino ไปด้วย ไม่งั้นมี buff ล้นอีก
- build ที่ยกตัวอย่างมาก ไม่มี Mass Heal อาจจะไม่พอสำหรับมือใหม่ และบาง party แต่ถ้าบริหารจัดการดีๆ ยังไงมันก็พอ ถ้าคิดว่าไม่พอจริงๆ ก็ลองปรับ skill กันเอาเองนะ
มุม Rhyme บ่น
Cleric นี่สามารถจับ build ได้หลายทางมากครับ และยังมีหลายอาชีพที่มีความสามารถที่โดดเด่นและไม่ได้ถูกนำมาพูดถึง ดังนั้นเพื่อนๆต้องลองศึกษาเพิ่มเติมกันดู เพื่อนค้นหา play-style ของตัวเอง จะได้เล่น Tree of Savior ได้อย่างสนุกสนานครับ
ยังไงก็ขอขอบคุณเพื่อนๆที่อ่านกันจนจบครับ สำหรับบทความครั้งหน้าจะเป็นเกี่ยวกับเรื่องอะไร ก็อย่าลืมติดตามกันด้วยนะ 😀