ช่วงนี้รีวิวเกมมาเยอะแล้ว เปลี่ยนบรรยากาศมารีวิวเครื่องเกมกันบ้างดีกว่า!! หลังจากที่ตัวกบเองได้เจ้าเครื่อง Nintendo Switch มาไว้ในมือก็เป็นเวลาได้เกือบ 1 เดือนแล้ว ดังนั้นแล้วเลยถือโอกาสออกมารีวิวฉบับผู้เล่นจริงๆ กันสักหน่อยครับว่าเป็นยังไงบ้าง โดยตัวกบเองได้ไปซื้อเจ้าเครื่องนี้มาจากทางร้าน Jimmy Gameplay ในเพจนี้เลยย (แอบโฆษณาให้นิดนึง) เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราไปดูรายละเอียดกันดีกว่าเนอะ
เครื่องเกมมีตั้งเยอะทำไมถึงควรเลือก Switch
ด้วยความที่เครื่องเกมในปัจจุบันมีทั้ง Playstation และเครื่อง Xbox ที่เหมาะกับการเล่นเกมเช่นกัน ถ้าหากพูดถึงกระแสหลักในบ้านเราแล้วคงจะหนีไม่พ้น Playstation 4 แต่ทีนี้เหตุผลอะไรล่ะ? ที่จะทำให้เราเลือกซื้อเจ้าเครื่อง Switch ตรงนี้กบจะมาบอกเล่าจากมุมมองตัวเองให้ฟังครับ
1.มันพกพาได้ไง!! – จริงอยู่ว่าเดี๋ยวนี้เกมมือถือก็มีเยอะแยะ แต่ความฟินมันก็ไม่เท่ากับการเล่นบนคอนโซล หรือเกมบางเกมที่เราเล่นค้างเอาไว้แต่ไม่สามารถเอามาเล่นบนมือถือได้ก็มีหลายเกม เจ้าเครื่อง Switch นี้ตอบโจทย์ตรงนี้มาก ด้วยความที่มีเกมฟอร์มใหญ่หลายเกมเลยที่โยกย้ายหรือพอร์ตมาลงให้กับเครื่อง Switch ครับ อาทิเช่นเกม Indie ชื่อดังอย่าง stardew Valley ที่ปกติเราต้องเล่นบน PC แต่พอมาลงให้กับ Switch ก็สบายเราเลยจ้า!!
แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียเช่นกัน สำหรับเกมกราฟิกหนักๆ หลายเกมส่วนตัวกบคิดว่าในจุดนี้ตัว FPS ของเครื่องไม่สามารถรีดออกมาได้เต็มที่ มีการเฟรมเรทตกในบางเกมที่กราฟิกหนักๆ ซึ่งตัวกบเองก็ไม่ได้ลองมาหมดแต่จากข้อมูลที่คุยๆ กับผู้เล่นด้วยกันพบว่ามีปัญหานี้อยู่บ้างครับ แต่แล้วยังไงล่ะ ถ้าเราไม่ซีเรียสตรงนี้มากก็มองข้ามไปได้เลย แค่พกไปเล่นข้างนอกได้ก็ฟินแล้ว~~~~
2.เหมาะกับการเล่นกับเพื่อนฝูงและครอบครัว – เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วครับสำหรับเกมของปู่นินที่เหมาะกับการเอาไปเล่นเป็นปาร์ตี้หรือครอบครัว เพราะเกมส่วนใหญ่ไม่ค่อยรุนแรง เข้าถึงง่ายและเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ถึงแม้ว่าเกมที่ Solo Play หลายเกมจะสนุก แต่ถ้าหากว่าเรามีเพื่อนแล้วเล่นด้วยกันล่ะก็หลายเกมจะสนุกขึ้นป็นกองเลยล่ะครับ โดยเกมที่เล่นหลายคนได้แล้วเด็ดๆ ในความคิดของกบตอนนี้จะมีดังนี้
► Super Mario Odyssey : คนนึงจะเล่นเป็นปู่มาริโอ้ และอีกคนจะเล่นเป็นหมวก แอบสนุกแบบแปลกๆ เสียดายตรงเล่นออนไลน์ไม่ได้แค่นั้นครับ
► 1 – 2 Switch! : ปาร์ตี้เกมทีเด็ดเลย สามรถแบ่งทีมได้สองฝั่งแล้วผลัดกันเล่นมินิเกมสารพัดชนิดเรียกเสียงฮาได้เด็ดมากๆ เกมส่วนมากอาจะเล่นได้แค่ 1-2 คน แต่มีระบบแบ่ง party แล้วเราผลัดกันเล่นกับเพื่อนได้ เสียดายเล่นออนไลน์ไม่ได้อีกเช่นกัน แต่เป็นเกมที่เหมาะกับงานปาร์ตี้หรือเอาไปเล่นกับเพื่อนมาก
► Mario Kart 8 Deluxe : ขึ้นชื่อว่า Mario Kart ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยครับ กับเกมที่เล่นได้สูงสุดถึง 4 คนในเครื่องเดียว (จริงๆ น่าจะได้มากกว่าแต่ต้องต่อเครื่องเพิ่ม) เป็นเกมที่เหมาะจะเอามากระชับมิตรกันสุดๆ
ด้านบนนี้เป็นแค่น้ำจิ้มนะครับ จริงๆ แล้วมีเกมเด็ดๆ อีกเพียบ แต่ขอยกตัวอย่างเอาไว้เท่านี้ก่อนเดี๋ยวจะยาวเกินไป 555 เอาเป็นว่าเราไปดูหัวข้ออื่นกันต่อดีกว่า
3.เกม Exclusive เฉพาะของทาง Nintendo : เกมฟอร์มใหญ่ๆ ที่ลงเครื่องนี้มักจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวค่อนข้างมาก โดยเกม Exclusive เฉพาะของทางเครื่องนี้ก็มีไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น The Legend of The Zeld: Breath of the Wild หรือ Super Mario Odyssey ที่เสียงตอบรับออกมาล้นหลามแบบสุดๆ ด้วยรูปแบบการเล่นที่ใช้ประสิทธิภาพของเครื่องได้แจ่มว้่าวมาก นอกจากนี้ยังมีเกมที่รอจะออกให้กับเครื่องนี้อีกหลายเกมเลยครับ ซึ่งถ้าหากว่าใครเป็นแฟนๆ ของซีรีย์พวกนี้ก็รอกันได้เลย ในอนาคตมีมาอีกแน่นอน
ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจมีอะไรบ้าง
มาพูดกันถึงเรื่องฟังกืชั่นของตัวเครื่องบ้างดีกว่า ว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง โดยถ้าใครคิดว่าเครื่องเกมของปู่นินจะล้าหลังล่ะก็ อยากให้สลัดภาพความคิดเก่าๆ ทิ้งออกไปก่อนได้เลยครับเพราะมารอบนี้เค้าไฮเทคมวากกกกกกกกก โดยกบจะขอลิสต์มาเฉพาะฟังก์ชั่นที่น่าสนใจนะ ซึ่งบางตัวกบได้พูดไปในหัวข้ออื่นบางส่วนแล้วจึงขอไม่พูดถึงซ้ำนะ เช่นการเล่นแบบพกพาหรือต่อกับคอนโซลก็ได้
► ถ่ายภาพสกรีนช็อตภายในเกม/บันทึกวีดีโอ – ผู้เล่นสามารถบันทึกภาพหรือถ่ายวีดีโอภายในเกมได้ง่ายๆ โดยการกดปุ่มที่อยู่บนจอย แต่ทว่าฟังก์ชั่นการอัดวีดีโอนั้นอาจจะไม่ได้รองรับทุกเกมนะครับ ซึ่งเราสามารถแชร์ภาพที่บันทึกเอาไว้ลง Social อย่าง Facebook หรือ Twitter ได้ด้วย
► เติมความสนุกให้การเล่นด้วย Amiibo – ในเกมแทบจะทุกเกมของเครื่องนี้เราจะสามารถสแกนเจ้าตัว Amiiboo ได้ โดยการนำไปวางเอาไว้บนจอย ซึ่งภายในเกมแต่ละเกมก็จะปลดล็อคไอเทมแตกต่างกันออกไปครับ เหมาะกับคนที่ชอบสะสมพวกตุ๊กตาพวกนี้เป็นที่สุด แต่บางทีก็แอบเซ็งเพราะบาบงเกมต้องใช้ Amiiboo เฉพาะถึงปลดของได้เปลืองเงินกันไปอีก TT
► การรับรู้ของจอยและการสั่นที่แจ่มมาก – ในหลายๆ เกมจะต้องอาศัยการสั่นของจอยในการเล่น โดยรูปแบบการสั่นของจอยเนี่ยทำออกมาได้ดีมากๆ สั่นเบา-แรง ได้หลายๆ โดยเชื่อว่าเกมในอนาคตน่าจะมีที่ได้ใช้ฟังก์ชั่นนี้อีกเยอะแน่ๆ ครับ อีกทั้งเซ็นเซอร์ของตัวเกมก็ทำออกมาได้ดีมาก สามารถรู้ได้ว่าเราขยับอยู่หรือชี้เซ็นเซอร์ตรงจอยไปที่อะไร เพียงแต่น่าเสียดายว่าเกมที่รองรับมันยังน้อยไปหน่อย
แนะนำอุปกรณ์เบื้องต้น
1.จอย – แน่นอนว่าจอยเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ในการเล่นเกมครับ โดยจอยของเจ้าเครื่อง Switch นี้พิเศษตรงมันอยู่ติดกับเครื่องมาเลย เราไม่ต้องซื้อเพิ่มแต่อย่างใด แถมยังมีลูกเล่นอยู่เยอะมากๆ และมีจอยให้เราเลือกหลายแบบ เช่น Joy‑Con ที่เป็นจอยพื้นฐานของเครื่อง จะมีลูกเล่นคือเซ็นเซอร์ที่อยู่บนตัวจอย หรือการสั่นที่มีหลายระดับ เอาไปเล่นเกมบางเกมที่ต้องอาศัยการรับรู้จากการสั่นได้ครับ ซึ่งจอยอื่นอาจจะทำได้ไม่ดี หรือเล่นแล้วไม่สนุกเท่าเป็นต้น อีกทั้งอุปกรณ์เสริมของเจ้าจอยคอนเนี่ยมีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น Joy‑Con Strap ที่เอาไว้ยึดไม่ให้หลุดมือ หรือ Joy‑Con Grip ที่เอาไว้ประกอบ Joy-Con ให้จับถนัดมือขึ้นเป็นต้น และถ้าหากเราไม่ถูกใจจอยคอน เราสามารถซื้อจอยแยกต่างหากได้ด้วย
2.แท่นชาร์ท – ตัวแท่นชาร์ทเป็นอะไรที่จำเป็นมากครับ โดยเราสามารถเสียบสาย HDMI เพื่อต่อขึ้นจอทีวีได้ด้วย ซึ่งจุดนี้เป็นลูกเล่นเด็ดของเครื่อง Nintendo Switch เลยทีเดียวครับ โดยถ้าหากว่าเราไม่ถูกใจอุปกรณ์ตัวนี้ล่ะก็สามารถที่จะซื้อของภายนอกได้ครับ เห็นมีขายกันเยอะเหมือนกัน แต่ส่วนตัวกบไม่เคยลองเลยขอข้ามประเด็นนี้ไป
3.แผ่นเกม!! – อันนี้เป็นอุปกรณ์สำคัญมากๆ สำหรับเกมเมอร์ เนื่องมาจากเครื่อง Nintendo Switch ต้องใช้แผ่นเล่นครับ (จริงๆ โหลดเกมเอาได้นะ) โดยแผ่นเกมสนนราคาในไทยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 1000-2000 บาท ซึ่งถือว่าราคาสูงเอาเรื่องเหมือนกัน
ข้อเสียของเครื่อง
ไหนๆ ก็พูดถึงข้อดีกันมาเยอะแล้ว มาถึงช่วงบ่นกันบ้าง เพราะถึงแม้ว่าหลายๆ อย่างจะดูเหมือนดีมากๆ แต่ก็แอบมีจุดที่ขัดใจกบอยู่ไม่น้อยเหมือนกันครับ โดยจะขอพูดถึงจุดใหญ่ๆ เอาไว้ก่อนแล้วกัน ซึ่งมีดังต่อไปนี้ครับ
► ไม่รองรับประเทศไทย – ไม่ว่าเครื่องเกมนี้จะขายดีขนาดไหนก็ตามในไทย แต่ข้อเสียเมื่อเทียบกับเครื่องเกมคอนโซลคู่แข่งอย่าง Playstation 4 คือเครื่อง Switch ไม่มีตัวแทนอย่างเป็นทางการในไทยครับ หมายความว่ามันลำบากมากเวลาที่เครื่องของเราเสีย หรือต้องการ Support เพื่อสอบถามถึงปัญหาเกี่ยวกับตัวเครื่อง ซึ่งตรงนี้ร้านค้าที่ซื้อเลยสำคัญมากๆ และควรเลือกร้านที่เชื่อใจได้ครับ เพราะเราจะต้องวานให้เค้าช่วยจัดการให้
► วัสดุของตัวเครื่องบางจุดไม่ค่อยโอเค – ส่วนตัวผมคิดว่าดีไซน์โดยพื้นฐานของเครื่องค่อนข้างดีครับ แต่วัสดุในบางจุดกลับแลดู Low Class มาก เช่นในส่วนของแท่นชาร์ทที่แถมมากับตัวเครื่อง ซึ่งไม่ได้รู้สึกว่ามันพรีเมี่ยมอะไรเลย แลดูดาดๆ ด้วยซ้ำ อย่างเช่นตัวขาตั้งที่เป็นพลาสติกธรรมดาๆ ที่ไม่ได้ดูแข็งแรงอะไรมากมาย ทำให้แอบคิดอยู่เหมือนกันว่าถ้าดึงแรงไปมันจะหลุดไหม???
ในส่วนของจอยเองก็แอบมีปัญหานิดหน่อยเหมือนกันคือตัว Joy‑Con Strap ที่เอาไว้ติดกับตัวจอยทีบางครั้งแอบถอดยากไปหน่อย เดาว่าอาจจะมีปัญหาจากการผลิตจำนวนมากหรืออะไรก็ตามแต่ บางทีเล่นเกมที่ต้องถอดออกหรือใส่เข้าบ่อยๆ อย่างเช่น 1 – 2 Switch! แล้วแอบทำให้หงุดหงิดอยู่ไม่น้อย
► พื้นที่เก็บของตัวเครื่องที่น้อย – ในเบื้องต้นตัวเครื่องจะสามารถเก็บข้อมูลได้ 32 GB ซึ่งคนที่ซื้อแผ่นมาเล่นคงไม่ได้ซีเรียสอะไรครับ แต่ถ้าเป็นคนที่ซื้อแบบดาวน์โหลดเอาซะส่วนใหญ่(เช่นผม) อาจจะหัวเสียนิดหน่อย เพราะว่าเราต้องซื้อเม็มมาใส่เพิ่มเติมเพื่อเพิ่มพื้นที่ความจุให้กับตัวเกมครับ
► เล่นนานๆ แล้วร้อน – สำหรับเกมที่ไม่ต้องใช้กราฟิกมากจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ครับ แต่การเล่นเกมอย่าง Zelda เป็นเวลานานๆ เราจะเห็นได้ชัดเลยว่าเครื่องจะร้อนมากกกกกกกกกกกกก อีกทั้งกินแบทอีก(ถ้าเล่นข้างนอก) ซึ่งจากการที่ได้ลองดูความเห็นจากหลายๆ แห่งพบว่าถ้าหากเล่นเกมที่กินสเป็คนานเกินไป บางครั้งตัว Dock อาจจะมีปัญหาจากความร้อนของเครื่องด้วย (วนกลับไปข้อวัสดุ)
ก็ได้แต่หวังว่าปัญหาข้อที่กบได้กล่าวเอาไว้จะถถูกแก้ไขในตัวเครื่องรุ่นถัดๆ ไปครับ หรืออาจจะมีแนวทางการแก้ไขปัญหาในอนาคตของปู่นินก็อาจจะเป็นไปได้ ซึ่งอันนี้ก็เป็นอีกข้อเสียนึงที่แฟนค่ายนี้มักจะโดน คือออกรุ่นใหม่มาแล้วแก้ปัญหาเก่า ส่วนคนมีรุ่นเก่าก็งิดไป 555
สำหรับบทความนี้ก็เป็นการรีวิวในเบื้องต้นของเครื่อง Nintendo Switch นะครับ หวังว่าเพื่อนๆ คงจะสัมผัสได้ถึงรายละเอียดต่างๆ ของเจ้าเครื่องนี้ได้มากขึ้นไม่มากก็น้อย และหวังว่าจะหลงรักมันเหมือนกับตัวผมนะครับ ส่วนวันนี้กบคงต้องขอตัวลาไปก่อน เอาไว้เจอกันใหม่บทคามหน้าจ้า