เรียกว่าเป็นการรีเมคครั้งใหญ่เลยสำหรับเกม Persona 3 Reload ตัวเกมฉบับดั้งเดิมเคยอยู่ในเครื่อง PS2 ตั้งแต่ช่วงปี 2006 หรือก็คือเป็นการรีเมคหลังจากตัวเกมเวอร์ชันแรกถึง 18 ปี ซึ่งทางผู้เขียนต้องยอมรับว่าไม่เคยเล่นต้นฉบับมาก่อน แต่ได้มาลองในเวอร์ชันใหม่แล้วพบว่าตัวเกมมีหลายจุดที่สนุกและน่าสนใจมากกกก จนเล่นไปเกิน 50 ชั่วโมงเรียบร้อยแล้ว เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังว่าเกมนี้สนุกยังไง
เนื้อเรื่องของเกม
เริ่มที่เนื้อเรื่องกันสักนิด ตัวเกมจะเล่าถึงเด็กหนุ่มคนหนึ่งหรือคือตัวเรานี่แหละที่ย้ายโรงเรียนมายังที่โรงเรียนมัธยมของเกาะแห่งหนึ่ง โดยเข้ามาเรียนในช่วงมัธยมปีที่ 2 โดยได้ย้ายเข้ามายังหอพักของนักเรียนแห่งหนึ่ง โดยเราจะได้เข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์ประหลาดของเมือง คือในช่วงทุกเที่ยงคืนของทุกวัน ทุกคนในเมืองจะกลายเป็นโลงศพ และมีสิ่งมีชีวิตปริศนาที่เรียกว่า “Shadow” ออกมาเดินเพ่นพ่าน โดยเราจะเรียกช่วงเวลานี้ว่า “Dark Hour”
ทั้งนี้จะมีเพียงแค่บางคนเท่านั้นที่จะไม่ได้รับผลกระทบจากการกลายเป็นโลงศพและสามารถใช้พลังที่เรียกว่า Persona ได้ โดยตัวเอกของเราก็เป็นหนึ่งในนั้น แถมตามปกติแล้ว 1 คนจะสามารถใช้ Persona ได้เพียง 1 ตน แต่ตัวเองจะมีพลังพิเศษที่สามารถใช้ Persona ที่หลากหลายได้ โดยตัวเราจะได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีม S.E.E.S ในการเคลียร์ดันเจี้ยนปริศนาที่เชื่อว่าเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์ “Dark Hour”
นอกเหนือจากเรื่องการเคลียร์ดันเจี้ยนแล้ว ก็จะมีด้านการใช้ชีวิตภายในเกม ที่เราสามารถทำความสนิทสนมกับเพื่อน ๆ จีบสาวที่สนใจและไปออกเดต รวมถึงใช้เวลาว่างหลังเลิกเรียนในการทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยเพื่อน ๆ แต่ละคนก็จะมีเนื้อเรื่องที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งเอาจริง ๆ ผมเสียเวลาไปกับการคิดว่าจะจีบสาวคนไหนนานเอาเรื่องเลย
Gameplay และส่วนที่น่าสนใจของ Persona 3 Reload
ความสนุกของ Persona 3 Reload ที่มีมาตั้งแต่ต้นฉบับเลยคือ เราจะต้องทำการ Manage ว่าช่วงเวลาในแต่ละวันจะทำอะไร ซึ่งตัวเกมจะแบ่งออกเป็นช่วงกลางวันและช่วงกลางคืน ซึ่งช่วงกลางวัน ก็จะเลือกได้ว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ หรือจะไปทำงานพิเศษ ส่วนช่วงกลางคืนก็จะเลือกได้ว่าจะเรียน ไปหาเพื่อน หรือทำงานพิเศษ คล้าย ๆ กัน แต่ตอนกลางคืนจะมีตัวเลือกให้เราสามารถไปยังดันเจี้ยนได้
ทั้งนี้มันก็จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเราระดับหนึ่งว่าอยากให้ตัวละครพัฒนาไปแบบไหน หากอยากพัฒนาค่าบุคลิกภาพด้านต่าง ๆ เช่นการเรียน เสน่ห์ หรือความกล้า ก็ไปทำงานพิเศษ หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ แต่หากอยากให้เลเวลเพิ่มก็ตัดสินใจไปลงดันอะไรแบบนี้เป็นต้น ซึ่งค่าบุคลิกภาพก็จะมีผลกับการปลดเหตุการณ์พิเศษต่าง ๆ หรือเปิดเนื้อเรื่องตัวละครใหม่ ๆ โดยเราจะมีเวลาใช้ชีวิตจนถึงเรียนจบเลยอยู่กับว่าเราจะตัดสินใจทำอะไร
ผมค่อนข้างจะชอบระบบนี้เลยเพราะเหมือนเราย้อนกลับไปในช่วงเรียนอีกครั้ง ตัดสินใจได้ว่าจะไปเที่ยว ไปเรียน หรือไปเจอกับเพื่อน ซึ่งหากเราชอบสาวคนไหนก็สามารถเลือกที่จะจีบและเป็นแฟนได้ด้วย ซึ่งถ้าเราเป็นแฟนกับคนไหนก็จะมีเหตุการณ์พิเศษมาเพิ่มในบางช่วงของเทอมอะไรแบบนี้ครับ แน่นอนว่าหากหลายใจก็มีเหตุการณ์รถไฟชนกันจนทุกคนงอนเราไปหมดเหมือนกัน
พูดถึงเรื่องการใช้ชีวิตไปแล้วมาพูดถึงเรื่องของดันเจี้ยนกับการต่อสู้กันหน่อย ในส่วนของการต่อสู้ภายในเกมเราจะได้ไปลุยในดันเจี้ยนที่ชื่อว่าหอคอย Tartarus ซึ่งเป็นดันเจี้ยนที่โผล่ขึ้นมาซ้อนทับกับโรงเรียนในช่วง “Dark Hour” โดยเราจะสามารถเลือกได้ว่าจะให้สมาชิกของ S.E.E.S คนไหนเข้าร่วมปาร์ตี้ โดยในช่วงแรกก็จะมีสมาชิกให้เลือกไม่เยอะเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เล่นไป เราก็จะได้เพื่อนใหม่ ๆ เข้ามาให้เลือกเพิ่ม
การต่อสู้เกมนี้จะเป็นระบบ Turn-Base คือตัวเรากับศัตรูจะผลัดกันโจมตี แต่ในระหว่างฉากหากเราทำการโจมตีศัตรูก่อนที่มันจะรู้ตัวได้ก็จะทำให้เรามีโอกาสเริ่มโจมตีก่อนได้สูง ซึ่งเราจะเห็นตัวศัตรูเป็นเงา ๆ ในระหว่างฉาก แต่พอเข้าฉากต่อสู้ถึงจะเห็นตัวจริง ๆ ของมัน
ในการต่อสู้ก็จะคล้าย ๆ กับเกม Turn-Base เกมอื่น แต่จะมีความพิเศษคือระบบการชนะทางที่หากเราสามารถโจมตีจุดอ่อนของศัตรูได้ ก็จะได้รับเทิร์นพิเศษมา ซึ่งตรงนี้แหละที่สนุกมาก คือหากเราพึ่งเจอกับศัตรูตัวใหม่เราจะไม่รู้เลยว่ามันแพ้หรือชนะธาตุไหน ต้องค่อย ๆ ลองทีละธาตุ ทีนี้มันไม่ใช่แค่ว่าเราที่ได้เทิร์นพิเศษอย่างเดียว แต่หากศัตรูโจมตีด้วยธาตุที่ชนะทางตัวละครของเรา มันก็จะได้เทิร์นพิเศษเหมือนกัน!
ช่วงแรก ๆ ก็จะหัวหมุนพอสมควรครับกับการหาธาตุที่ชนะ แต่ก็จะมีอีกวิธีหนึ่งคือการโจมตีให้ติดคริติคอลเราก็จะได้เงื่อนไขเดียวกับชนะธาตุคือจะได้ตาพิเศษมา โดยเจ้าตานี้เราสามารถส่งต่อให้สมาชิกคนอื่นไปโจมตีต่อได้ด้วยเหมือนกันหากเราไม่โจมตีเอง ส่วนการเล่นช่วงกลาง ๆ เกมจะง่ายขึ้นครับ คือเราจะได้ตัวละครที่มีความสามารถในการวิเคราะห์มาได้ แต่ก็มีเงื่อนไขที่จำกัดไว้คือใช้ SP ด้วย ทว่าก็ทำให้สะดวกขึ้นเยอะเลย
อีกจุดนึงที่สนุกคือการปรับแต่ง Persona ที่ตัวเองของเราจะเปลี่ยนไปมาได้ตลอด ส่วนตัวละครอื่น ๆ จะฟิกเอาไว้ ซึ่งเจ้า Persona เนี่ยนแต่ละตัวก็จะมีสกิลไม่เหมือนกัน และแพ้ธาตุไม่เหมือนกันด้วย หมายความว่าตัวละครของเราสามารถเปลี่ยน Persona ไปตามสถานการณ์ได้ และอุดจุดอ่อนของทีมได้ครับ โดยเราจะได้รับ Persona ใหม่ ๆ มาจากการต่อสู้หลังจบแต่ละครั้งจะมีโอกาสเลือกการ์ดแบบสุ่ม และอีกวิธีนึงคือเอาไปผสม
ทีนี้ว่าด้วยเรื่องของการผสม Persona นิดนึงคือ เราสามารถเอา Persona ที่ไม่ได้ใช้มาผสมเพื่อให้เป็นตัวใหม่ได้ ความสนุกมันอยู่ตรงนี้แหละครับ เพราะมันมีให้ผสมเยอะมาก จนตอนนี้ผมก็ยังผสมไม่ถึงครึ่งเลย แถมบางตัวก็จะมีเงื่อนไขที่ต้องปลดล็อกก่อนเช่นเล่นเนื้อเรื่องหรือ Soul Link ให้ถึงระดับ 10 อะไรแบบนี้เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งความท้าทายของเกมเลย
แถมจุดสำคัญเลยคือเราสามารถเอาสกิลของ Persona ตัวเก่ามาใส่ให้ตัวใหม่ได้ด้วย ทำให้เราสามารถ Custom สกิลได้ค่อนข้างจะเยอะเลยครับ แถมเวลาที่เรามี Persona บางตัวที่ตรงกับเงื่อนไขของเกม เวลาที่เราไปพบกับเพื่อน ๆ หรือทำกิจกรรมใน Soul Link จะได้รับค่าความสนิทเพิ่มด้วย
งานภาพและเสียง
ในส่วนของงานภาพในเกมจะเป็นตัวละครสามมิติสลับกับภาพอาร์ทในแบบอนิเม ซึ่งในบางช่วงของเนื้อเรื่องเกมก็จะมีการทำเป็น Cut-Scene อนิเมะตัดสลับในส่วนสำคัญด้วย ทำให้ดูแล้วไม่เบื่อเลย โดยบรรยากาศในตัวเมืองหรือโรงเรียนก็ทำออกมาได้ค่อนข้างดี แม้ว่าพฤติกรรมของ NPC อาจจะไม่ได้หลากหลายเท่าไหร่ แต่ก็เป็นจุดที่เข้าใจได้ โดยตัวละครที่มีบทสนทนาให้เราอ่านก็จะมีเครื่องหมายคำพูดบนหัว
มาส่วนของเพลงภายในเกมอันนี้ก็เรียกว่าเพลินมาก ตัวเกมจะมีเพลงให้เราฟังในสถานการณ์ต่าง ๆ ค่อนข้างจะเยอะเลย โดยส่วนตัวผมคิดว่าเพลงเกมนี้ค่อนข้างจะติดหูเลยครับ ตอนเขียนบทความนี้เพลงยังวนอยู่ในหูเลย
ทีนี้ส่วนตัวผมจะมีปัญหาอยู่บ้างกับเรื่องมุมกล้องของเกม คือถ้าใช้เมาส์บางครั้งมันจะเลื่อนแปลก ๆ แต่ไม่ได้เจอปัญหานี้กับตอนใช้จอย กับความสว่างของฉากบางทีที่มืด ๆ อยู่ก็สว่างวาบขึ้นมาเลยทำเอาช่วงที่เล่นแรก ๆ เมา ๆ อยู่เหมือนกัน
สรุปเกี่ยวกับเกม
Persona 3 Reload เป็นเกมรีเมคที่ทำออกมาได้ดีมาก แม้ว่าระบบจากที่ผมลองหาข้อมูลดูตัวเกมจะแทบยกจากของเก่ามาเลย แต่ก็มีหลายส่วนที่ปรับให้ดีขึ้น และทำให้สวยขึ้น แน่นอนว่าเรื่องภาพคือตัวเกมมีการยกเครื่องใหม่ทั้งหมดเลย แม้ว่าคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อนอย่างผมก็รู้สึกว่ามันเจ๋งมาก ๆ จนไม่น่าเชื่อว่าระบบหลายอย่างมีมาตั้งแต่ตอนเวอร์ชันแรกแล้ว
แม้ว่าตัวเนื้อเรื่องของเกมบางจุดเราอาจจะรู้สึกแปลก ๆ เพราะเป็นการเอาเนื้อเรื่องของเก่ามาทำใหม่อย่างการที่ตัวละครยังคงใช้โทรศัพท์ฝาพับ หรือต้องใช้ PC ในการหาข้อมูล ตรงนี้อาจจะรู้สึกแปลก ๆ บ้างเพราะตอนนี้ไม่ค่อยมีคนทำอย่างนั้นแล้ว แต่หากมองว่ามันเป็นเหตุการณ์เมื่อช่วงปี 2000 อันนี้ก็เข้าใจได้ครับ คิดว่ารำลึกความหลังช่วงวันวาน
โดยรวมผมค่อนข้งชอบกับทั้งระบบการต่อสู้และการใช้ชีวิตภายในเกม จนรู้สึกผูกพันกับตัวละครและเพื่อน ๆ ภายในเกมเพราะแต่ละคนก็จะมีสตอรี่ที่ค่อนข้างชัดเจน และมีเนื้อหาที่น่าสนใจ แถมระบบการผสม Persona เองผมก็รู้สึกว่ามันก็สนุกดีที่จะลุ้นว่าจะได้ตัวละครอะไรใหม่ ๆ มาใช้ แถมการเอาสกิลของตัวเก่า ๆ มาใช้ได้ก็รู้สึกทำให้อยากมาผสมบ่อย ๆ เรียกว่าเป็นเกม JRPG เกมนึงที่ผมคิดว่ามันสนุกมาก ๆ และอยากให้ทุกคนมาลองเล่นกันครับ
