Pokemon Sword & Shield VGC
G-Max Lapras Team
Author : Maletix

G-Max Lapras Team
ในวันนี้จะขอแนะนำการเล่นทีม G-Max Lapras ซึ่งในภาค Sword & Shield นั้นร่าง Gigantamax ทีน่าสนใจมีหลายตัวมาก หนึ่งในนั้นคือ Lapras ที่เมื่อแปลง Dynamax ท่าประเภท Ice จะกลายเป็น G-Max Resonance ที่เมื่อโจมตีสำเร็จจะสร้าง Aurora Veil ให้กับทีมเป็นเวลา 5 เทิร์น ทำให้ทีมของเราได้เปรียบขึ้นอีกเยอะพอสมควร ทั้งความสามารถในการทนรับการโจมตีที่มากขึ้น และยังจะได้ออกท่าโจมตีต่างๆ เพื่อกดดันฝั่งตรงข้ามได้เป็นอย่างดี
• ค่อนข้างแข็งแกร่ง และเป็นเมต้าในขณะนี้
• มีความสมดุลทั้งโจมตีและรับการโจมตีที่หลากหลาย
• ค่อนข้างใช้ประสบการณ์ในการเล่นพอสมควร
• ใช้เวลาเล่นค่อนข้างนาน และใช้การคุมเกมเป็นหลัก
Double Format

Lapras-Gmax @ Weakness Policy
EVs: 204 HP / 4 Def / 252 SpA / 4 SpD / 44 Spe
ตัวหลักของทีมนี้ เรียกได้ว่าแปลง Dynamax ทุกเกมเลยก็ว่าได้ และควรจะใช้ท่า G-Max Resonance ให้ได้เร็วที่สุด เพื่อสร้างความ/ด้เปรียบให้กับทีมของเรา นอกจากนี้เรายังสามารถใช้ Raichu Trigger Weakness Policy ของ Lapras ได้ด้วยท่า Brick Break ตั้งแต่เทิร์นแรกได้เลย ทำให้นอกจากจะมีความสามารถด้านป้องกันแล้ว ยังจะโจมตีแรงขึ้นด้วย Weakness Policy ถือว่าครบเครื่องเลยทีเดียว

EVs: 252 HP / 204 Def / 4 SpA / 4 SpD / 44 Spe
– Acid Armor
ตัวสนับสนุนประจำทีม ที่มีท่าประจำตัวอย่าง Decorate ที่จะเพิ่มพลังโจมตีทั้ง 2 ของเป้าได้ถึง 2 ระดับ นอกจากนั้นด้วย Ability Sweet Veil จะทำให้เราไม่ต้องกังวลกับสถานะหลับ และการจะโดนโจมตีทีเดียวตายนั้นถ้ามี Babiri Berry ถือไว้ ก็อาจจะลดความเสี่ยงตรงนี้ได้ รวมทั้งการบัฟตัวเองด้วยท่า Acid Armor รวมทั้งฟื้นเลือดด้วย Recover จะทำให้การจัดการ Alcremie ทำได้ยาก

EVs: 252 SpA / 4 SpD / 252 Spe
– Volt Switch
นอกจากจะเอาไว้ Trigger Weakness Policy แล้ว ยังมี Ability Lightning Rod ที่ดูดท่าประเภท Electric เพื่อช่วย Lapras ได้อีกด้วย นอกจากนั้น Nuzzle ก็เป็นท่าที่ทำให้เป้าหมายติดสถานะอัมพาต ใช้ในการคุมสปีดในสนามได้ดี และด้วยผลจาก Item Assault Vest จะทำให้ Raichu ถึกขึ้นพอสมควร ถ้าอยู่ใน Aurora Veil ด้วยแล้ว ก็จะยิ่งอึดมากขึ้น

EVs: 236 HP / 244 SpD / 28 Spe
– Parting Shot
อีกหนึ่งตัวที่สนับสนุนทีมได้เป็นอย่างดี นอกจากจะลงมาเพื่อพลังโจมตีฝั่งตรงข้ามด้วย Ability Intimidate แล้ว ยังมีท่า Fake Out และ Parting Shot เพื่อก่อกวนได้อีก รวมทั้งถ้ามี Aurora Veil จาก Lapras การจะจัดการ Incineroar ให้ได้ก็ยิ่งเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก ส่วนท่าโจมตีจะมีประเภท Fire และ Dark ตามธาตุของตัว ซึ่งท่าอย่าง Throat Chop จะช่วงปิดผนึกท่าประเภทเสียงของเป้าหมายได้ เช่น Snarl หรือ Hyper Voice
Togekiss @ Scope Lens
Ability: Super Luck
EVs: 244 HP / 180 Def / 20 SpA / 4 SpD / 60 Spe
Modest Nature
– Follow Me
– Yawn
– Dazzling Gleam
– Air Slash
สำหรับ Togekiss อาจจะเป็นตัวโจมตีเสริมได้ กรณีที่ Lapras ยังไม่สามารถปิดเกมได้ ด้วย Ability Super Luck และ Item Scope Lens ทำให้มีโอกาสโจมตีติดคริติคอลมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีท่า Follow Me และ Yawn ที่ใช้สนับสนุนเพื่อน และ ปั่นป่วนฝั่งตรงข้ามได้เช่นกัน แต่ต้องดูให้ดี เพราะ Lapras ของเราสามารถใช้ท่า Max-Lightning เปิด Electric Terrain ได้ ทำให้ Pokemon ที่ยืนอยู่บนพื้นไม่ติดสถานะหลับ ดังนั้นการใช้ Yawn อาจต้องดูนิดนึง

EVs: 212 HP / 252 Atk / 44 SpD
สุดท้ายมาที่ Conkeldurr นี่คือตัวที่ลงมาปิดเกมช่วงหลังเลย ด้วยพลังโจมตีที่สูงมาก รวมกับ Ability Guts และยังมีท่า Priority อย่าง Mach Punch ไว้เก็บตัวเลือดแดงได้อีก ถือว่าค่อนข้างครบเครื่องในการบุก และอย่างที่กล่าวไปว่า Aurora Veil จะทำให้เราได้เปรียบมาก ดังนั้นการที่ทุกตัวของเราอยู่ใน Aurora Veil จะเป็นผลดีให้กับทีมอย่างมาก ซึ่ง Conkeldurr ก็เช่นกัน ยิ่วมีท่าดูดเลือดอย่าง Drain Punch ด้วยแล้ว ก็ยิ่งจัดการยากไปอีก
แนวทางการเล่น
- การ Lead หลัก จะเป็น Lapras กับ Raichu เป็นหลัก และใช้ Conkeldurr ไว้ด้านหลัง ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ Raichu Brickbreak Lapras เพื่อ Trigger Weakness Policy และโจมตีด้วย G-Max Resonance เพื่อกาง Aurora Veil หรือไม่ก็ใช้ Alcremie คู่ Lapras เพื่อใช้ท่า Decorate ในการบัฟพลัง
- การแปลง Dynamax ก็จะเป็นตัวโจมตีหลักอย่าง Lapras แน่นอน ด้วย่าไม้ตายสุดโกงอย่าง G-Max Resonance ยิ่งใช้ได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดีอยู่แล้ว เพื่อกาง Aurora Veil ให้กับทีมของเรา