ใน Diablo 2 Resurrected นั้นก็มีอาชีพอยู่มากมายหลายอาชีพ สำหรับในครั้งนี้ก็จะขอพูดถึงหนึ่งในอาชีพที่เล่นง่ายและทรงพลังเป็นอย่างมาก กับ Paladin อัศวินผู้มาพร้อมกันศรัทธาและออร่าอันแข็งแกร่ง เขาเป็นคนที่สามารถยืนแนวหน้าต่อกรกับจ้าวอสูรได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว
Diablo 2 Paladin
เหล่าอัศวินแห่งศรัทธาเหล่านี้มาพร้อมกับเกราะหนักและโล่คู่ใจของเขา ในด้านของการต่อสู้แล้วนั้น Paladin มีรูปแบบการต่อสู้ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง เดินเข้าไปแล้วก็สับให้ด่าวดิ้น หรืออาจจะเล่นลีลาด้วยการเรียกค้อนแห่งความโกรธเกรี้ยวออกมาถล่มศัตรูให้พินาศ ทำให้บางครั้งหลายคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นอาชีพที่ค่อนข้างน่าเบื่อเป็นอย่างมากก็ว่าได้
ความแข็งแกร่งของ Paladin ทั้งมาทั้งจากออร่าที่ทรงพลัง และสกิลโจมตีที่เรียบง่ายแต่ได้ผล ออร่าของเขานั้นส่งผลกับพวกพ้องก็ได้ หรือจะส่งผลกับศัตรูก็ได้ ทำให้เขาเป็นที่ต้อนรับของทุกคนในปาร์ตี้ต่างๆ อยู่เสมอ แต่เสียดายที่ว่าออร่าชนิดเดียวกันนั้นจะแสดงผลจากออร่าที่เลเวลสูงที่สุดเสมอ แต่การมีออร่าต่างกันก็เรียกว่าน่ากลัวกว่าเป็นอย่างมากเลยทีเดียวล่ะ
สกิลที่เขานั้นจะประกอบไปด้วย Defensive Auras, Offensive Auras, Combat Skills
Defensive Auras
ออร่าสายมุ่งเน้นไปด้านการป้องกันและฟื้นฟู ออร่ากลุ่มนี้เมื่อเรียกใช้งานแล้ว แม้จะไม่ได้ช่วยให้กำจัดศัตรูได้ง่ายขึ้น แต่ก็สามารถทำให้การป้องกันนั้นสูงขึ้นจนผิดหูผิดตาได้เลยทีเดียว
แต่อันที่จริงจะเป็น Situation Aura หรือ ออร่าที่เปิดใช้งานเฉพาะบางจังหวะมากกว่า เพราะสุดท้าย การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการสังหารให้เรียบนั่นล่ะ
Aura ที่เลเวลสูงขึ้นจะเพิ่มคุณสมบัติให้สูงขึ้นและมีรัศมีไกลขึ้น
- Resist Fire (Lv 1)
ออร่าที่จะช่วยเพิ่มพลังป้องกันธาตุไฟเป็นอย่างมากให้กับทุกคน ทุกๆ เลเวลจะเพิ่มพลังป้องกันธาตุไฟสูงสุดที่มีได้จาก 75 หน่วยด้วย (สูงสุด 95%)
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Prayer (Lv 1)
ออร่าที่จะสละค่า Mana เพียงน้อยนิดในการฟื้นฟูพลังชีวิตอย่างต่อเนื่องให้กับทุกคน
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Resist Cold (Lv 6)
ออร่าที่จะช่วยเพิ่มพลังป้องกันธาตุน้ำแข็งเป็นอย่างมากให้กับทุกคน ทุกๆ เลเวลจะเพิ่มพลังป้องกันธาตุน้ำแข็งสูงสุดที่มีได้จาก 75 หน่วยด้วย (สูงสุด 95%)
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Defiance (Lv 6)
ออร่าที่จะช่วยเพิ่มพลังป้องกันให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ทุกคน ฟังแล้วไม่มีอะไรแต่ Synergy กับ Holy Shield ทำให้สุดท้ายก็มากดกันอยู่ดี
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Resist Lightning (Lv 12)
ออร่าที่จะช่วยเพิ่มพลังป้องกันธาตุสายฟ้าเป็นอย่างมากให้กับทุกคน ทุกๆ เลเวลจะเพิ่มพลังป้องกันธาตุสายฟ้าสูงสุดที่มีได้จาก 75 หน่วยด้วย (สูงสุด 95%)
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Cleaning (Lv 12)
ออร่าที่จะช่วยลดระยะเวลาในการติดสถานะ Curse, Poison ลงเป็นอย่างมากให้กับสมาชิกทุกคนในปาร์ตี้ ระยะเวลาที่ลดจะนับเฉพาะในช่วงเวลาที่เปิดใช้ออร่านี้อยู่เท่านั้น (การเปลี่ยนไปมากับออร่าอื่นจะทำให้ผลของออร่านี้แกว่งไปมา)
ได้รับผลจากสกิล : Prayer (ฟื้นฟูพลังชีวิต)
- Vigor (Lv 18)
ออร่าที่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่เล็กน้อย และทำให้ค่า Stamina ลดช้าลงและฟื้นฟูไวขึ้นให้กับคนในปาร์ตี้
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Meditation (Lv 24)
ออร่าสุดรักของสายเวทย์ ช่วงให้สมาชิกทุกคนในปาร์ตี้ฟื้นฟู Mana ไวขึ้นเป็นอย่างมาก (ขั้นต่ำสามเท่า) และมีผลการรักษาของ Prayer ด้วย
Mercernary ของ Act 2 สามารถถือ Polearm ที่ใช้ Runeword Insight เพื่อได้เกิดผลจากออร่านี้ด้วย
ได้รับผลจากสกิล : Prayer (ฟื้นฟูพลังชีวิต)
- Salvation (Lv 30)
ออร่าที่จะเพิ่มพลังป้องกันธาตุไฟ น้ำแข็ง และสายฟ้าให้กับทุกคนในปาร์ตี้
Salvation จะให้ผลรวมน้อยกว่าออร่าเดี่ยวที่เลเวล 5 ขึ้นไป โดยค่าจะต่างกันเรื่อยๆ แต่โดยปกติแล้วทุกคนจะต้องหาอุปกรณ์ที่มีการป้องกันธาตุติดตัวเสมอ ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ออร่าป้องกันธาตุเดี่ยวเพื่อให้ได้ผลเยอะขนาดนั้น
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Redemtion (Lv 30)
ออร่าที่จะมีโอกาสส่งวิญญาณจากศพรอบตัว ทุกครั้งที่ส่งวิญญาณจะฟื้นฟูพลังชีวิตและ Mana เป็นอัตราส่วนจากค่าสูงสุดที่มีอยู่
ออร่านี้จะทำให้ศพไม่สามารถใช้งานได้ (ปลุกศพ, ชุบชีวิต, ระเบิดศพไม่ได้) ซึ่งเป็นการใช้งานหลักมากกว่าฟื้นพลังชีวิต เนื่องจากหลายๆ ครั้งศพมักจะก่อปัญหามาก แน่นอนว่า Necromancer จะเซ็งเป็ดกับออร่านี้มาก
ออร่านี้ส่งผลกับผู้ใช้เท่านั้น
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
Offensive Auras
ออร่าสายโจมตีนั้นเป็นออร่าที่จะใช้เป็นหลักในการเล่น เนื่องจากมีความทรงพลังเป็นอย่างมาก ซึ่งออร่าในกลุ่มนี้จะมีทั้งส่งผลกับทุกคน, ส่งผลกับตัวเองเท่านั้น หรือส่งผลกับศัตรูแทน และทุกออร่าใช้งานได้คุ้มค่ายิ่งนัก
ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมออร่าสายป้องกันนั้นไม่ค่อยได้ถูกใช้เป็นหลัก ก็เพราะออร่าสายโจมตีนั้นทรงพลังเกินนั้นเอง
Aura ที่เลเวลสูงขึ้นจะเพิ่มคุณสมบัติให้สูงขึ้นและมีรัศมีไกลขึ้น
- Might (Lv 1)
ออร่าเพิ่มพลังโจมตีกายภาพให้กับทุกคนในปาร์ตี้ เรียบง่าย ตอบโจทย์ แต่อย่าอัพเยอะเลยหลังๆ มีของดีกว่านี้เยอะ
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Thorn (Lv 6)
ออร่าที่จะสะท้อนความเสียหายกลับเมื่อศัตรูในรัศมีออร่านี้โจมตีใส่ใครก็ตามจากระยะประชิดด้วยการโจมตีกายภาพ หนึ่งในออร่าที่ไม่ค่อยจะมีคนใช้เพราะไม่คุ้ม
ออร่านี้จะส่งผลกับศัตรูเท่านั้น
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Holy Fire (Lv 6)
ออร่าที่จะเพิ่มพลังโจมตีธาตุไฟให้กับผู้ใช้ และศัตรูที่เข้ามาในรัศมีรอบตัวจะได้รับความเสียหายธาตุไฟเล็กน้อยเป็นระยะๆ
ออร่านี้จะส่งผลกับผู้ใช้และศัตรูเท่านั้น
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Bless Aim (Lv 12)
ออร่าที่จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการโจมตีเป็นอย่างมากให้กับสมาชิกทุกคนในปาร์ตี้
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Holy Freeze (Lv 18)
ออร่าที่จะเพิ่มพลังโจมตีธาตุน้ำแข็งให้กับผู้ใช้ และศัตรูที่เข้ามาในรัศมีรอบตัวจะได้รับความเสียหายธาตุน้ำแข็งเล็กน้อยเป็นระยะๆ และติดสถานะเยือกแข็งทำให้ขยับช้าลง
สถานะเยือกแข็งสามารถลดทอนระยะเวลาได้ แต่การันตีว่าจะติดแน่นอนแม้ว่าจะมีความสามารถ Cannot be Frozen ก็ตาม
ออร่านี้จะส่งผลกับผู้ใช้และศัตรูเท่านั้น
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Concentration (Lv 18)
ออร่าที่จะเพิ่มความรุนแรงในการโจมตีให้กับทุกคนในปาร์ตี้ และในขณะเดียวกัน ทำให้ระหว่างท่าการโจมตีจะมีโอกาสไม่ถูกขัดขวาง (Super Armor) ด้วย
ออร่านี้จะมีโบนัสพิเศษเพิ่มเติม โดยเพิ่มความแรงให้กับ Blessed Hammer ครึ่งหนึ่งของที่ระบุไว้ในตัวสกิลด้วย
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Sanctuary (Lv 24)
ออร่าที่จะกระแทกให้ Undead ชะงัก และทำความเสียหายเป็นเวทย์ไร้ธาตุเป็นระยะๆ เนื่องจากนี่ไม่ใช่เกมที่มีแต่ Undead อย่างเดียว หลายคนเล่นไม่ได้สนใจกัน
สกิลนี้มีผลลับ ทำให้ศัตรูชนิด Undead มีการต้านทานกายภาพเป็น 0 ทันทีอีกด้วย เรียกว่าเป็นสกิลที่บางทีก็มีไว้เพื่อฟาดหน้าพวก Zombie ในระดับ Hell นั่นแหละ
ออร่านี้จะส่งผลกับศัตรูเท่านั้น
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Holy Shock (Lv 24)
ออร่าที่จะเพิ่มพลังโจมตีธาตุสายฟ้าให้กับผู้ใช้ และศัตรูที่เข้ามาในรัศมีรอบตัวจะได้รับความเสียหายธาตุสายฟ้าเล็กน้อยเป็นระยะๆ
ออร่านี้จะส่งผลกับผู้ใช้และศัตรูเท่านั้น
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Conviction (Lv 30)
ออร่าแห่งความเสื่อม ทำให้ศัตรูรอบตัวมีพลังป้องกันลดลงเป็นอัตราส่วน และการต้านทานเวทย์ไฟ, น้ำแข็งและสายฟ้าลดลงเป็นหน่วย หากเป้าหมายมีสถานะต้านทานธาตุ (Immune) อยู่ ออร่านี้จะมีผลแค่ 1 ใน 5 ต่อธาตุนั้นเท่านั้น หากพลังป้องกันธาตุของเป้าหมายลดต่ำกว่า 100% ได้ก็จะยกเลิกสถานะต้านทานธาตุ
เช่น มีพลังป้องกันธาตุ 110% และใช้สกิลนี้ที่มีผล 55% จะเหลือแค่ 11% เมื่อนำไปหักลบจะทำให้พลังป้องกันธาตุเหลือ 99% หลุดจากสถานะต้านทานธาตุแล้ว แต่ยังป้องกันธาตุอยู่อีก 99%
Paladin ที่เปิดใช้ออร่านี้ จะไม่ได้รับผลจากออร่า Conviction ของศัตรู
ออร่านี้จะส่งผลศัตรูเท่านั้น
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Fanatism (Lv 30)
ออร่าแห่งการต่อสู้ เพิ่มความแม่นยำ, ความเร็วในการโจมตีและความเสียหายที่ทำได้ให้กับสมาชิกทุกคนในปาร์ตี้แบบออลอินวัน แต่สมาชิกในปาร์ตี้จะได้รับโบนัสความเสียหายน้อยกว่าตัวผู้ใช้
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
Combat Skills
สกิลสำหรับโจมตีนั้นขาดไม่ได้สำหรับทุกอาชีพ ไม่งั้นคงได้เล่นแค่การเดินตีเฉยๆ แน่นอน ซึ่งสำหรับ Paladin นั้น สกิลสายนี้จะผสมกันทั้งในด้านป้องกันและโจมตีในตัว ไม่ว่าจะเป็นการทำให้โล่นั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น (จนถึงขั้นเอาฟาดหน้าสั่นได้) หรือจะเป็นการโจมตีรัวอย่างรวดเร็วก็ตาม เรียกว่าครบเครื่องในชุดเดียว
- Smite (Lv 1)
เอาโล่ป๊าบหน้า ทำความเสียหายและทำให้ติด Stun ความเสียหายที่ทำได้จะอยู่ที่ตัวโล่เป็นหลัก เป็นท่าที่เบาที่สุด แต่ข้อดีคือการันตีว่าถ้ามอนสเตอร์อยู่ในระยะ จะฟาดหน้าสั่นแน่นอน 100% โดยไม่สนความแม่นยำ เอ้า Stun Lock ไปดิคับ (ถ้าเล่นสายนี้เน้นๆ ท้ายเกมมันก็ฟาดมอนที่ไม่กันกายภาพทีสองทีตัวแตกหมดอ่ะนะ)
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Sacrifice (Lv 1)
เสียสละพลังชีวิตของตัวเองเพื่อโจมตีศัตรูอย่างรุนแรงและแม่นยำ 8 เปอร์เซ็นของความเสียหายที่ทำได้จะเข้าเลือดตัวเองจังๆ ทำให้ปกติจะอัพมาเพื่อเป็น Synergy มากกว่าใช้เอง ไม่งั้นตายก่อน
ได้รับผลจากสกิล : Redemtion (ความเสียหาย +15%), Fanatism (ความเสียหาย +5%)
- Holy Bolt (Lv 6)
ยิงลูกกระสุนพลังงานแห่งแสงที่จะทำความเสียหายใส่ Undead แต่จะรักษาเพื่อนร่วมทีม เป็นมีมสกิล
ได้รับผลจากสกิล : Blessed Hammer (ความเสียหาย +50%), Fists of the Heavens (ความเสียหาย +50%), Prayer (การรักษา +15%)
- Charged (Lv 12)
พุ่งชนเข้าใส่ศัตรู ย่นระยะทางเข้าหาศัตรูอย่างรวดเร็วและทำความเสียหายใส่อย่างรุนแรง
ได้รับผลจากสกิล : Might (ความเสียหาย +20%), Vigor (ความเสียหาย +20%)
- Zeal (Lv 12)
ฟันต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว แม่นยำและรุนแรง เป็นท่าหากินของ Paladin ส่วนมาก (Zealot) อย่างไรก็ตาม จำนวนครั้งที่โจมตีต่อครั้งจะสูงสุดที่ 5 ครั้ง และในเลเวลสกิลที่สูงถึงจะเริ่มเพิ่มความเสียหาย หากต้องการเพิ่มความเสียหายจริงๆ ให้เน้นอัพ Sacrifice จะดีกว่า เพราะได้ความเสียหายมากกว่ากัน 2 เท่า
ได้รับผลจากสกิล : Sacrifice (ความเสียหาย +12%)
- Blessed Hammer (Lv 18)
ท่าค้อนสุดมีมแต่แรงมาก เหวี่ยงค้อนเป็นวงรอบตัวกว้างออกไปเรื่อยๆ ทำความเสียหายเวทย์ไร้ธาตุ ศัตรูชนิด Undead จะโดนแรงกว่าปกติ 50%
ได้รับผลจากสกิล : Blessed Aim (ความเสียหาย +14%), Vigor (ความเสียหาย +14%)
- Vengence (Lv 18)
โจมตีพร้อมกับเสริมความเสียหายธาตุไฟ, น้ำแข็ง และสายฟ้าลงไปพร้อมกับการโจมตีด้วย เป็นท่าที่รุนแรงหากศัตรูพลังป้องกันธาตุไม่สูง
ได้รับผลจากสกิล : Resist Fire (ความเสียหายไฟ +10%), Resist Cold (ความเสียหายน้ำแข็ง +10%), Resist Lightning (ความเสียหายสายฟ้า +10%), Salvation (ความเสียหายธาตุ +2%)
- Holy Shield (Lv 24)
เปลี่ยนโล่เป็นโล่ศักด์สิทธิ์ เพิ่มพลังป้องกัน, โอกาสในการป้องกัน และความเสียหายของ Smith ชั่วคราว
ได้รับผลจากสกิล : Defience (พลังป้องกัน +15%)
- Conversion (Lv 24)
ทำการจูงใจให้ศัตรูกลายเป็นพวกร่วมต่อสู้กับเราชั่วคราว เป็นท่าที่ไม่มีประโยชน์ในการใช้งาน และมักทำให้ปาร์ตี้แตก เพราะบางทีคนในปาร์ตี้มีออร่าสะท้อนความเสียหาย (เช่น Thorn) และพอมันกลับเป็นศัตรู ออร่ายังทำงานอยู่แป๊บหนึ่ง ฟาดไปแตกหนึ่ง แน่นอนว่าใช้กับบอสไม่ได้ ถ้าอยากใช้อะไรแบบนี้ให้ Necromancer สาป Attract เถอะ
ได้รับผลจากสกิล : ไม่มี
- Fists of the Heavens (Lv 30)
ยิงสายฟ้าลงมาจากสวรรค์ก่อนจะปล่อย Holy Bolt ออกมารอบๆ เป้าหมาย เป็นท่าที่เท่มาก แต่ส่วนมากท่าอื่นจะสะดวกใช้กว่านะ
ได้รับผลจากสกิล : Holy Bolt (ความเสียหาย Holy Bolt +15%), Holy Shock (ความเสียหายสายฟ้า +7%)
Diablo 2 Paladin สายต่างๆ
ในด้านข้อดีข้อเสียของอาชีพนี้ก็บอกได้เลยว่า เหมือนสายโจมตีประชิดทั่วไป แต่เพิ่มความง่ายในการเล่นและการซัพปาร์ตี้ด้วยออร่าที่ใครๆ ก็ชอบ ยกเว้นออร่าชนกันเองนั่นล่ะ
► ข้อดี
- พลังป้องกันสูงมาก โล่บล๊อครัวๆ ยืนชนบอสหน้าตาเฉย
- เล่นง่าย สกิลเหมือนจะเข้าใจยากแต่จริงๆ ง่ายกว่าที่คิดสุดๆ
- ตีไม่โดน? Holy Shield + Smith ยันตายก็ได้นะเอาจริงๆ
- ออร่าคือโหดมาก
► ข้อเสีย
- หลายคนอาจจะรู้สึกว่าน่าเบื่อ เพราะเดินเข้าไปตีๆ ทั้งวัน ไม่ก็หมุนค้อนทั้งวัน ไม่ค่อยมีการวนสกิลให้แปลกตาแปลกใจ
- ถ้ายืนชนไม่ได้ก็คือยืนชนไม่ได้ จบแค่นั้นเลย
- ต้องวิ่งเข้าใส่ศัตรู ทำให้เจอรุมระยะไกล หรือพวกยิงติดน้ำแข็งแล้วน่ารำคาญมาก
- หลายๆ สกิลใช้กับ Undead แต่ดันไม่มีผลกับ Demon ที่มีปริมาณเยอะกว่า…มาก
- การปรับปุ่มสกิลจะแปลกๆ จากคนอื่นพอสมควร
สิ่งที่เหมือนกันในแต่ละ Build
สำหรับอาชีพนี้นั้น มีสายการเล่นได้หลากหลายตามชนิดของท่าโจมตีที่จะใช้กัน ในที่นี้จะเสนอสายพื้นฐานคือ Zeal, Vengence และ Blessed Hammer รวมถึงการแตกหน่อไปเป็นสายเฉพาะเช่น Holy Shock, Conviction เล่นกับ Runeword แพงๆ สายฟาดหน้า Uber ได้ทั้งนั้นเลยทีเดียว
- ค่า Status จะมี Str แค่พอใส่อุปกรณ์, Dex ให้เท่ากับค่า Block 75% ให้ได้ ที่เหลือลง Vit และปล่อย En ไม่ต้องไปยุ่งกับมันเช่นเคย
- โล่โดยปกติจะเลือกโล่เน้นด้านการต่อสู้ ขาดอะไรเติมอันนั้น ไม่ว่าจะเป็นพลังป้องกันธาตุ, ความเสียหายของ Smith อัตราการบล๊อคความเสียหาย
- Mercenary ที่ใช้จะเป็นตัวของ Act 2 สายใดสายหนึ่ง (แนะนำ Offensive ในระดับ Nightmare จะได้รับ Holy Freeze ที่ช่วยแช่แข็งศัตรูทำให้เราปลอดภัยมากขึ้นอีกหน่อย)
- สกิลที่ทุกสายจะมีคือ Holy Shield 20 และแต้มที่เหลือใช้จริงๆ มักจะลง Defience เพราะคุ้มที่สุด เนื่องจากลงสกิลอื่นไปก็ไม่ค่อยช่วยอะไรมากนัก
- สกิลออร่าสายป้องกันที่ใช้บ่อย 1 แต้ม เช่น Vigor สำหรับวิ่งทางไกล, Salvation กรณีจะซวยป้องกันธาตุต่ำจริงๆ
- ไม่เน้นการใส่ไอเทมเพิ่มแต้มสกิล แต่จะเน้นไปที่การโจมตีที่ตรงกับสายตัวเองตรงๆ ไปเลย (ยกเว้นสาย Blessed Hammer)
► Zealot
สายพื้นฐานที่สุดในการเล่น เรียบง่ายแต่ตอบโจทย์การเดินหน้าฆ่าแหลก Hack and Slash มากๆ ด้วยการเน้นไปที่ Zeal ในการโจมตีคู่กับ Fanaticism เรียกว่าเน้นสับไว สับแรงเข้าเนื้อจุกๆ กันไปเลย อาวุธก็เรียกว่าหาดาบรัวๆ แรงๆ อย่าง Phaseblade มาใส่ Runeworld ไม่ก็เอา Sceptor ที่จับถนัดๆ Bonk กันได้หมด ตัวออร่าก็ไม่ต้องเปลี่ยนไปมา ยกเว้นแค่ Vigor ตอนวิ่ง สกิลก็ไม่ชาร์จใส่หน้าก็ Zeal ให้ตาย
การอัพสกิลจะเน้น Synergy กันเต็มๆ โดยมี Fanaticism 20, Sacrifice 20, Holy Shield 20, Zeal 4+ และเหลือแต้มมากมายไว้อัพอะไรก็ได้ตามสะดวก เช่น Zeal เพื่อให้แรงและแม่นขึ้น หรือ Smith สำหรับกรณีที่อยากเอาโล่ฟาด (แต่สาย Zealot จะไม่ค่อยได้เอาโล่ฟาดเท่าไหร่)
ข้อเสียของสายนี้คืออาจจะเบื่อตายได้ง่ายหน่อย และถ้าไม่ได้เปิด Fanaticism ก็อาจจะเหงาๆ ได้ที่ความแรงความไวมันหดไปเยอะ แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรจริงๆ มันเรียบง่ายและเป๊ะมาก
► Vengence
สายนี้จะค่อนข้างแนวขึ้นมาหน่อยแล้วเนื่องจากจะเน้นที่ความเสียหายธาตุแทน (แต่พลังโจมตีพื้นฐานก็สำคัญมาก) สายนี้เวลาฟาดทีจะสะดุ้งแรงมาก (และเปลือง Mana มากกว่าด้วย) สามารถไปได้ทั้ง Hybrid (Fanaticism) หรือ Pure (Conviction) ก็ได้ โดยรวมแล้วจะฆ่ามอนจำนวนมากได้ช้ากว่า แต่ทุบทีกระอักเลือดกว่า และที่ร้ายสุดคือไปได้ทุกที่จริงๆ แค่บางทีเบาลงหน่อยอ่ะนะ
สกิลสายนี้จะเน้น Vengence 20, Conviction/Fanaticism 20, Holy Shield 20 และเหลือแต้มไว้ลงธาตุที่ชอบเล่นเพิ่มเติมได้ (Resist xx / Salvation) โดยถ้าลงธาตุจะได้ 10% แต่ถ้าลง Salvation จะได้ 6% (2*3)
Conviction ข้อดีคือเน้นความแรงต่อครั้งแบบเจ็บๆ จุกๆ ไปเลย ฟาดไปหน้าสั่น (โบนัส เราไม่โดน Conviction ของศัตรูด้วย แต่ตี้เรายังโดน) ไปกับปาร์ตี้ที่ใช้ธาตุนี่บ๊งเบ้งมาก ส่วน Fanaticism นั้นจะใช้ความไวในการโจมตีมาช่วย และตี้สายกายภาพจะรักมากกว่า
สายนี้เป็นสายที่ค่อนข้างไปทางผสมๆ ทำให้การเล่นมีความพลิกแพลงได้ตามที่เพื่อนๆ อยากจะลองปรับ ไม่มีตายตัวเท่าไหร่ จะเล่นด้วย Runeword กายภาพแรงๆ หรือใช้ที่เป็นธาตุก็ได้ทั้งนั้นเลย
► Hammerdin
ค้อนมีมอิสเรียล สายนี้เป็นสายที่กาวมาก เล่นเป็นนักเวทย์แบบแปลกๆ เลย วิ่งไปหมุนค้อนเดินโยกให้ค้อนเหวี่ยงไปกวาดมอน แทนที่จะเล็งตรงๆ มีข้อดีสุดๆ คือมีมอนนับนิ้วได้จริงๆ ที่สายนี้จะสู้ไม่ได้เลย (Immune Magic) ที่เหลือคือค้อนทะลวงไส้แตกกันหมด ไอเทมที่ใช้ก็จะเน้นการเพิ่มแต้มสกิลเยี่ยงนักเวทย์ไปเลย ต่างกับชาวบ้านชาวช่องมากมาย
สกิลสายนี้ก็นู่นเลยจ้า Blessed Hammer 20, Blessed Aim 20, Vigor 20, Concentration 20, Holy Shield 20 หมดแจ๊ หมด หมด แต้มสกิลแห้งเหือด แน่นอนว่าถ้าใครสดพอ จะเปลี่ยนจาก Holy Shield เป็น Resist ธาตุต่างๆ เพื่อดันให้ค่า Max Resist สูงขึ้นก็ได้เช่นกัน
สายนี้ถ้าดันให้สุดจะเป็นสายที่แพงหูดับตับไหม้ที่สุดในเกม แต่ก็แรงนรกที่สุดในเกมเช่นกัน โดยสามารถดันได้ถึง 12,000-15,000 ต่อค้อน 1 ป๊าบได้ (และอย่างที่บอกว่า มันมีศัตรูแค่นับหัวได้ที่สู้ไม่ได้) ทำให้เป็นสายที่ใครเสี่ยก็เอามาเล่นกันได้สบายๆ อ่ะนะ มี Enigma ก็จัดไปได้เลย
ความีมนั้นก็จะกรีดร้องที่สุดในการลงรูหนอน (Maggot Lair) เพราะไม่มีที่ให้หมุนค้อน เป็นจุดเดียวที่ทุกคนในเกมให้ความเห็นตรงกันว่า “อย่าไปยุ่งกับมัน” และแน่นอน นั่นก็หมายถึงสายนี้เวลาเจอฉากแคบๆ จะเซ็งเป็ดเป็นที่สุด เพราะมันฟินแตกตอนที่กว้างๆ
ใน Diablo 2 Resurrected นั้น Paladin จัดว่าเป็นอาชีพที่เล่นง่ายและเก่งตลอดทุกช่วงเวลาในเกมเลยทีเดียว เป็นหนึ่งในอาชีพที่คนเล่นใหม่หลายคนอาจจะมองข้ามเพราะดูจืดจาง (ก็จริง) แต่เป็นหนึ่งในตัวละครที่หากลองได้ปั้นดูแล้วจะพบว่า ไอ้ความยากลำบากในการเล่นอาชีพอื่นเรียกว่าเป็นเรื่องตลกไปเลยล่ะ และถ้าเคยคิดว่าบอสยาก ลองจัดสายป้องกันไปฟาดดู แล้วจะรู้ว่ายืนแลกหน้าตาเฉยเป็นยังไง!
อ่านข้อมูลเพิ่มเติมของ Diablo 2 คลิกที่นี่