ดันเจี้ยน End Game นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของหลายๆ เกม ซึ่งใน Genshin Impact นั้นก็มีในชื่อที่เรียกขานกันว่า Spiral Abyss (ชั้นเกลียดแกฟาตุย …. อ้าวไม่ใช่เหรอ?) โดยจะเป็นดันเจี้ยนที่มีความท้าทายด้วยการจำกัดเวลาในการเล่นแต่ละชั้น ไม่สามารถใช้ไอเทมอาหารช่วยเหลือได้ เรียกว่ารีดความสามารถเท่าที่กันให้เต็มๆ เลย
Spiral Abyss อยู่ที่ไหน
ตัวดันเจี้ยน (Domain) Spiral Abyss นั้นจะอยู่บริเวณด้านล่างขวาของเขต Mondstadt (แหลม Cape Oath) ที่บริเวณแหลมจะมีแท่น Seelie Garden อยู่สามจุด เมื่อพามาเปิดได้ครบ จะสร้างพื้นที่กระแสลมให้สามารถใช้เป็นทางลัดวาร์ปไปยังเกาะของ Spiral Abyss ได้ และเมื่อเปิดใช้งานแล้วก็จะสามารถใช้เป็นจุด Teleport มาได้โดยตรงแล้วล่ะ
ตัวดันนี้จะมีลักษณะพิเศษต่างจากดันเจี้ยนอื่นๆ ดังนี้
- ไม่สามารถใช้ไอเทมชนิดอาหารได้ การเติมเลือดและชุบชีวิตต้องทำผ่านสกิลตัวละครเท่านั้น
- มีลักษณะเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นประกอบไปด้วย 3 ห้อง แต่ละห้องมีการท้าทาย 3 ขั้นตอน (ทำเป็นช้างเอราวัณไปด้าย) การจะผ่านไปชั้นต่อไปได้ จะต้องเก็บดาวจากการผ่านการท้าทายในชั้นก่อนหน้าขั้นต่ำ 6 ดาวเสียก่อน
- ทุกๆ เดือนจะมีบัพรายเดือนที่จะช่วยเหลือผู้เล่นให้เล่นในดันได้ง่ายขึ้น
- แต่ละห้อง จะมีบัพให้เลือก 3 อย่างที่เปลี่ยนไปรายวัน บัพบางชนิดจะส่งผลทั้งชั้น ในขณะที่บัพบางชนิดจะส่งผลแค่ในห้องนั้นๆ
- ในแต่ละชั้นยังมีผลกระทบเพิ่มเติมที่ช่วยเหลือผู้เล่นให้สู้ได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะล๊อคตายตัวในแต่ละชั้น
- เพื่อนๆ สามารถหยุดพักการลุยได้เมื่อจบในแต่ละห้อง และออกมาแก้เบื่อ เติมแรงกายแรงใจก่อนได้ เมื่อกดกลับเข้าไปจะมีตัวเลือกสองอย่างคือ เล่นต่อจากเดิม หรือยกเลิกการท้าทาย
- การเล่นต่อจากเดิมจะเป็นการบังคับเล่นต่อจากในห้องที่พึ่งจบมา
- ยกเลิกการท้าทาย ตัวเกมจะเซพรางวัลต่างๆ และให้เพื่อนๆ กลับไปเลือกห้องที่จะเล่นใหม่ได้
- เมื่อผ่านแต่ละห้องได้ จะมีรางวัลให้ตามที่ระบุ และหากผ่านความท้าทายในแต่ละห้องได้ ก็จะมีรางวัลให้อีก
- รางวัลของชั้นที่ 1-8 (Spiral Corridor) จะไม่มีการรีเซ็ทใดๆ แต่เมื่อเข้าสู่ชั้นที่ 9 เป็นต้นไป (Spiral Moon) จะรีเซ็ททุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือนให้สามารถมาเบิกรางวัลได้เรื่อยๆ
- เมื่อผ่านชั้นที่ 3 ห้องที่ 3 ได้สำเร็จครั้งแรก จะได้รับตัวละคร Xiangling ฟรี 1 ตัว (ถ้ามีครบแล้วจะเปลี่ยนเป็น Masterless Starglitter 5 อันแทน)
- ในแต่ละชั้นจะมีการให้เลือกปาร์ตี้ใหม่ และในชั้นที่ 5 – 8 จะต้องจัดทีม 2 ปาร์ตี้ (เหนื่อยตายไปข้าง) เพราะมีการแยกเป็นสองส่วน แถมยังใช้เวลาในการท้าทายร่วมกันอีกต่างหาก
ในบทความนี้ก็จะมาอธิบายเกี่ยวกับแนวทางการผ่านชั้นที่ 1-8 ให้กับเพื่อนๆ กัน ส่วนชั้นหลังจากนั้น มันคือฝีมือของเพื่อนๆ ที่ผ่านการฟาร์มกับระบบของตัวเกมเท่านั้น!
อธิบายเกี่ยวกับบัพที่พบเจอได้ใน Spiral Abyss
บัพของดันเจี้ยนนี้จะแบ่งทั้งหมด 3 ชนิด ซึ่งใช้ร่วมกันได้ทั้งหมดเลย
► เริ่มจากบัพรายเดือน (Blessing of the Abyssal Moon) จะเป็นบัพที่เกี่ยวข้องกับการ
รักษาค่าสเตตัสของเพื่อนๆ จะปรากฎเป็นวงที่พื้น เมื่ออยู่ในวงนี้และทำตามเงื่อนไข ก็จะช่วยเสริมพลังให้กับตัวละครหรือเกิดผลสนับสนุนผู้เล่นอะไรบางอย่างขึ้น
► บัพตัวเลือกในแต่ละห้อง (Benediction of the Abyss) จะเป็นบัพที่มีสองแบบคือ บัพชั้นนั้นทั้งชั้นกับบัพเฉพาะห้องนั้นห้องเดียว ซึ่งปกติบัพเฉพาะห้องจะมีความทรงพลังกว่า จะเปลี่ยนไปในแต่ละห้องแบบรายวัน ให้เลือกตามที่ทีมของเพื่อนๆ หรือตัวละครหลักของเพื่อนๆ ใช้งาน โดนมีทริคเล็กน้อยคือ
ในห้องที่ 1-2 เพื่อนๆ ควรหยิบบัพชนิดส่งผลทั้งชั้นมาก่อน เนื่องจากจะช่วยให้เคลียร์ห้องหลังจากนี้ได้ง่ายขึ้น ส่วนในห้องสุดท้ายหยิบตามใจชอบได้เลย
► บัพของแต่ละชั้น (Lay Line Disorder) จะเป็นบัพที่ล๊อคไว้ประจำชั้นนั้นๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีความทรงพลังค่อนข้างมากถ้าเพื่อนๆ มีตัวละครที่อยู่ในเงื่อนไขของบัพนั้นๆ เช่น ธาตุน้ำแข็งแรงขึ้นมาก, มีเลือดเยอะหรือน้อยกว่าที่กำหนด
การพยายามจับทีมและเลือกบัพให้ถูก จะช่วยให้เพื่อนๆ ผ่านการท้าทายได้ง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว
ของรางวัลที่ได้จาก Spiral Abyss
การลง Spiral Abyss นั้นจะมีการแบ่งรางวัลที่ได้รับออกเป็นสองอย่างด้วยกันตามความสามารถของเพื่อนๆ ที่ลุยผ่านมาได้
- รางวัลของการผ่านห้องนั้นๆ (Chamber’s Bounty) : เป็นรางวัลที่จะได้รับหากเพื่อนๆ สามารถผ่านห้องนั้นมาได้ โดยไม่สนใจว่าจะผ่านความท้าทายมาได้กี่ดาวก็ตาม รับไปได้เลย
- รางวัลจากการผ่านความท้าทายของชั้นนั้นๆ (Star’s Bounty) : รางวัลนี้เพื่อนๆ จะได้รับต่อเมื่อสามารถผ่านเงื่อนไขความท้าทายของชั้นนั้นๆ ได้แล้วเท่านั้น ผ่านกี่ดาวก็รับไปตามนั้นเลยจ้า ตั้งแต่ 3/6/9 ดาวก็ว่ากันไป
ซึ่งในตัว Spiral Corridor (ชั้น 1-8) จะไม่มีการรีเซ็ตรางวัล ได้แล้วได้เลยไม่มีซ้ำ แต่ส่วนของ Spiral Moonspire ชั้นที่ 9 เป็นต้นไป จะมีการรีเซ็ตทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน ทำให้สามารถกลับมาฟาร์มใหม่เรื่อยๆ ได้ เป็นอีกแหล่งในการหาเพชร Primogems ไปใช้งานได้ แม้จะไม่เยอะมากเท่าไหร่นัก แต่ก็ดีกว่าไม่มีล่ะน้า
ชั้นที่ 1 – สนับสนุนไฟ
► บัพของชั้นนี้
- เพิ่มความเสียหายของธาตุไฟ 75%
- เพิ่มความเสียหายของโวเวอร์โหลด 200%
มอนสเตอร์เลเวล : 25
ห้องที่ | ศัตรูที่เจอ | การท้าทาย |
1 |
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 90/150/210 วินาที |
2 |
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 90/150/210 วินาที |
3 |
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 90/150/210 วินาที |
ชั้นแนะนำตัวดันเจี้ยน ไม่มีอะไรเป็นพิเศษมากในชั้นนี้ ตัวละครธาตุไฟสามารถใช้คู่กับสายฟ้าได้ดีมาก และควรมีไว้เพื่อให้ทำลายโล่ของเจ้า Mitachurl ทิ้งได้ง่ายขึ้น เพื่อนๆ ไม่น่ามีปัญหาในการผ่านชั้นนี้เท่าไหร่และมีเวลาเหลือเฟือด้วยล่ะ
ชั้นที่ 2 – สนับสนุนน้ำแข็ง
► บัพของชั้นนี้
- เพิ่มความเสียหายของธาตุน้ำแข็ง 75%
- เพิ่มระยะเวลาการติดสถานะแช่แข็งขึ้นเป็นอย่างมาก
มอนสเตอร์เลเวล : 40
ห้องที่ | ศัตรูที่เจอ | การท้าทาย |
1 |
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 60/90/120 วินาที |
2 |
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 60/90/120 วินาที |
3 |
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 60/90/120 วินาที |
ในชั้นนี้ก็ยังไม่มีอะไรที่เรียกว่าอันตรายนัก ยกเว้นเพื่อนๆ อาจจะมีปัญหากับเจ้า Abyss Mage กันหน่อยๆ ก็สามารถใช้ปฎิกิริยาธาตุอะไรก็ได้ในการเจาะเกราะอย่างเช่นไฟ, ไฟฟ้า ก็จะร่วงมาให้เรายำเล่นได้ไม่ยากนัก เวลาในชั้นนี้ก็จะให้มาเผื่อพอสมควรเลยทีเดียว เพียงแค่ในห้องสุดท้ายจะแนะนำให้เพื่อนๆ กำจัด Hydro Samachurl ก่อน เนื่องจากสามารถเติมเลือดให้มอนตัวอื่นได้ และเติมได้แรงซะด้วยนะ
ชั้นที่ 3 – สนับสนุนลม
► บัพของชั้นนี้
- เพิ่มความเสียหายของสถานะกระจาย 300% และรัศมีของการกระจาย 100%
- เพิ่มความเสียหายของธาตุลม 75%
มอนสเตอร์เลเวล : 45
ห้องที่ | ศัตรูที่เจอ | การท้าทาย |
1 |
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 60/90/120 วินาที |
2 |
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 60/90/120 วินาที |
3 |
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 60/90/120 วินาที |
ชั้นนี้จะเป็นชั้นแรกที่เพื่อนๆ จะเหนื่อยค่อนข้างสาหัสเพราะแม้เลเวลของมอนเตอร์เพิ่มมาแค่ 5 เลเวลจากเดิม แต่อึดระดับคนละเรื่อง แถมมอนเป็นระยะไกล มีการกระจายตัวกันมาก ทำให้เสียเวลาวิ่งตามไปมาอย่างสุดๆ กันเลยล่ะ รวมถึงตัวอย่าง Hilichurl Shooter ธาตุที่ตอนนี้จะยิงลูกธนูทีเดียว 5 แฉก ถ้าโดนระยะเผาขนอาจจะสาหัสได้ในชุดเดียวเลย
ในชั้นนี้ขอบจะเป็นเหว ทำให้สามารถตกไปตายได้ทั้งตัวผู้เล่นและมอน ….. ใช่ เพื่อนๆ สามารถใช้เหวฆ่ามอนได้ และก็โดนมอนอัดปลิวตกเหวตายได้นั่นเอง (ฮา) ทำให้ตัวละครธาตุลมไม่ว่าจะเป็นตัวเอก หรือ Jean นั้นโดดเด่นมากในชั้นนี้ เพราะสามารถประหยัดเวลากำจัดมอนได้มากตอนช่วงเลเวลยังน้อยอยู่แค่พยายามล่อมอนไปใกล้ๆ เหวแล้วก็กระแทกให้ร่วงลงไปเท่านั้น
การจะลากมอนนั้น แนะนำให้เพื่อนๆ ยืนรอให้มอนค่อยๆ มาหาบริเวณบันไดที่ไม่สามารถตกเหวตายได้ และค่อยๆ ขยับตัวเพื่อรวบหรือไล่มอนให้มันขยับหนีเรา (โดยเฉพาะพวก Treasure Hoarder ปาขวดที่น่ารำคาญระดับนรกส่ง) เมื่อมอนกองรวมกันหรือได้ที่แล้วค่อยพุ่งชาร์จไปรวบ/กระแทกให้ตกเหว แต่ถ้าใครบ้าพลังพอ หวดสดเลยก็ได้นะเอ้อ
สำหรับห้องสุดท้าย ถ้าเพื่อนๆ มีตัวสายธนูจะง่ายขึ้นมาก สามารถยิงจุดอ่อนของเจ้า Ruin Guard ให้มันนอนลงไปนิ่งๆ และตีตัวขวานจนตายก่อนได้เลย จะดีกว่าปล่อยมันเดินไล่ปั่นไล่ยิงเราไม่หยุด
ชั้นที่ 4 – สนับสนุนไฟฟ้า
► บัพของชั้นนี้
- เพิ่มความเสียหายของธาตุไฟฟ้า 75%
- เพิ่มความเสียหายของสถานะช๊อตไฟฟ้า 150% และรัศมีของการช๊อต 100%
มอนสเตอร์เลเวล : 50
ห้องที่ | ศัตรูที่เจอ | การท้าทาย |
1 |
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 60/120/180 วินาที |
2 |
|
แท่นมีพลังชีวิตเหลือมากกว่า 20/40/60% |
3 |
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 60/90/120 วินาที |
ชั้นส่งท้ายครึ่งแรกที่อาจจะทำให้เพื่อนๆ หลายคนต้องเป็นบ้า กับเงื่อนไขการป้องกันแท่นที่ศัตรูก็เอาแต่ตีแท่นของเราไม่หยุดซะงั้น ในชั้นนี้ตัวละครอย่าง Lisa จะช่วยได้มาก เพราะโจมตีได้แรงขึ้นแถมมีน้ำให้ช๊อตกันอย่างสนุกสนาน
ในห้องแรกนั้น เพื่อนๆ ควรเล็งเป้าหมายในการกำจัดตัวธนูน้ำแข็งให้เร็วที่สุด เพราะตัวธาตุน้ำมีเยอะกว่าเป็นอย่างมาก เก็บไอ้ที่น้อยๆ กว่านั่นแหละดี จะได้ไม่ติดแช่แข็ง
ห้องที่สองคือห้องแห่งนรกที่แม้เลเวลสูงแล้วก็ยังไม่ผ่าน 3 ดาวกันได้ง่ายๆ เพราะมอนเอาแต่ตี ตี และตีแท่นไม่สนเราเลยแม้เราจะทุบมันยังไงก็ตาม (ถึงบางทีมันจะสนก็เถอะ) ตุ๊กตาของ Amber จะช่วยล่อเป้าได้ในระดับหนึ่ง ไม้ตายของ Lisa เองก็จะช่วยผลักมอนออกเรื่อยๆ ได้ด้วย และที่ดีที่สุดคือสถานะโอเวอร์โหลดที่จะระเบิดกระแทกศัตรูให้กระเด็น ทำให้ห้องนี้ คอมโบ ไฟ+ไฟฟ้าจะช่วยเพื่อนๆ ได้มหาศาลมากๆ และการพยายามเอาตัวไปรับกระสุนแทนแท่นจากพวกตัวยิงหรือ Abyss Mage ก็ช่วยได้มากเลยทีเดียว (ถ้าใครมี Venti หรืออย่างน้อยน้อง Sucrose รวบก็จะชิวหน่อยอ่ะนะ)
ชั้นสุดท้าย … ตี Hydro Samachurl ก่อนระหว่างหลบลูกธนูน้ำแข็ง -> บวกธนูน้ำแข็ง แค่นั้นแหละ (ฮา)
ชั้นที่ 5 – เริ่มการแบ่งครึ่ง เลือดเยอะเข้าไว้
► บัพของชั้นนี้
- เมื่อพลังชีวิตมากกว่า 50% เพิ่มพลังโจมตีและพลังป้องกัน 25%
- เมื่อพลังชีวิตมากกว่า 80% เพิ่มความเร็วโจมตี, ความเร็วเคลื่อนที่ 20%
- เมื่อพลังชีวิตมากกว่า 95% เพิ่มอัตราคริ 10%, ความแรงคริ 20%
มอนสเตอร์เลเวล : 55
ห้องที่ | ศัตรูที่เจอ | การท้าทาย (รวม) |
1 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 180/300/420 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
||
2 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 180/300/420 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
||
3 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 180/300/420 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
ชั้นเปิดทางลุยแบ่งครึ่งสำหรับเพื่อนๆ ด้วยมอนสเตอร์แสนหน่อมแน้มให้ได้เหนื่อยกันเพราะคราวนี้ต้องมีทีมสองทีม แบ่งตัวละครกันให้ดี หลังจากชั้นนี้เป็นต้นไป เพื่อนๆ จะต้องมีตัวละครธาตุต่างๆ แบ่งกันไปให้เหมาะสมเพื่อให้ทันช่วงเวลาการท้าทายให้ได้
ในชั้นที่ 5 นี้มอนจะหน่อมแน้ม เอาอะไรไปก็ได้ แต่ต้องระวังเวลาให้ดี เพราะยิ่งให้เหลือเวลาเยอะเท่าไหร่ก็แปลว่าเรามีเวลาฆ่าน้อยลงพอกันเท่านั้นในตัว แถมยังรวมทั้งสองครึ่งไว้ด้วยกันอีกต่างหาก อาศัยพละกำลังเน้นกำจัดไวเข้าว่าเลยสำคัญมาก
ทีมครึ่งหลังควรมีตัวละครธาตุน้ำซักคนเพื่อเจาะเกราะของ Abyss Mage ห้องแรกให้ได้ไวขึ้น ที่เหลือฟรีสไตล์ ส่วนเจ้า Fatui Agent ถ้าเพื่อนๆ แปะสถานะธาตุที่ตัวมัน จะทำให้มองเห็นรางๆ ระหว่างที่ล่องหนได้ ถึงแม้ว่าตัวละครจะไม่ล๊อคเป้าให้ก็ตาม เมื่อโจมตีให้มันชะงักได้ มันจะเลิกล่องหนไปเอง
ชั้นที่ 6 – อัลติเข้าไว้
► บัพของชั้นนี้
- เมื่อใช้ไม้ตายจะบัพเพิ่มพลังโจมตีและพลังป้องกัน 6% ซ้อนทับได้ทั้งหมด 10 ครั้ง (รวม 60%)
- เมื่อบัพมี 5 ขั้นหรือมากกว่า จะเพิ่มความเร็วโจมตีและความเร็วเคลื่อนที่ 30% ด้วย
มอนสเตอร์เลเวล : 60
ห้องที่ | ศัตรูที่เจอ | การท้าทาย (รวม) |
1 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 30/60/180 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
||
2 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 90/180/270 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
||
3 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 120/240/330 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
ชั้นที่ 6 จะเป็นชั้นที่ชวนตาลายกับปริมาณคนป่าขนปุยเป็นอย่างมาก เพราะขนทัพกันมาแบบไม่มีเกรงใจกันเลย และก็ยุ่งยากสุดๆ ในระดับหนึ่ง
การจัดทีมลงชั้นนี้ ในทีมครึ่งแรกควรมีธาตุไฟไว้ด้วยเพื่อช่วยเจาะเกราะน้ำแข็ง และมีตัวธาตุดินหรืออาวุธดาบใหญ่ไปด้วยเป็นอย่างมาก เรียกว่าจำเป็นเลยดีกว่า เพื่อใช้ในการเล่นงานกับโล่หิน รวมถึงเจ้า Stonehide ที่แข็งโป๊กอีกด้วย ส่วนทีมสอง ควรมีตัวธาตุน้ำหรือน้ำแข็งเพื่อเจาะเกราะและเร่งเวลาจัดการกับสไลม์ ที่เหลือจะค่อนข้างฟรีสไลต์
พยายามระวังเวลาโจมตีพวกตัวธนู เนื่องจากการโดนยิงเผาขน 5 ดอกนอกจากจะเจ็บแล้ว ถ้าตายขึ้นมาคือทีมขาดตัวกันยาวๆ เลยทีเดียว พยายามเก็บ Hydro Samachurl ก่อนเสมอ (ห้องสองครึ่งแรก) และ Geo Samachurl (ห้องสามครึ่งแรก) เพื่อกันไม่ให้ฮีล/สร้างเสา (กรณีสร้างเสาให้เอาตัวระยะไกลยิงเจ้าตัวให้ร่วง) ส่วนเจ้า Whopper Flower พยายามทำลายเกราะให้แตกเสมอถ้าเห็นมันสร้างเกราะ ไม่งั้นงานเข้าแน่นอน
ชั้นที่ 7 – นรก Fatui คริให้ตายไปข้าง
► บัพของชั้นนี้
- เมื่อติดคริ จะสร้างผลึกธาตุให้เก็บ (คูลดาวน์ 15 วินาที)
- เพิ่มความแรงคริ 120%
มอนสเตอร์เลเวล : 65
ขอย่อชื่อ Fatui Skirmisher -> FS
ห้องที่ | ศัตรูที่เจอ | การท้าทาย (รวม) |
1 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 120/300/420 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
||
2 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 120/300/390 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
||
3 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 120/330/450 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
ชั้นที่ทุกคนลงความเห็นเป็นเสียเดียวกันว่า น่ารำคาญและหงุดหงิดที่สุดใน Spiral Corridor แล้วก็ว่าได้ ด้วยเกราะธาตุสารพัดที่ปนกันมั่วไปหมด ปกติก็อึดจะแย่ เจอเกราะเข้าไปล่ะไม่ต้องตีกันเลย เป็นชั้นที่จะเป็นกำแพงล๊อคทีมของเพื่อนๆ กันสุดๆ ชนิดเป็นบ้ากันไปข้าง แถมเวลายังจำกัดจำเขี่ยเอาการอีกต่างหาก
หลักการลงชั้นนี้ จะอยู่ที่เพื่อนๆ จะต้องจัดทีมให้มีธาตุที่เหมาะกับการฟัดเกราะทุกชนิดให้เพียงพอ ไม่งั้นเตรียมเหนื่อยอ้วกแตกได้เลย ซึ่งเกราะธาตุของฟูไตจะแตกได้ง่ายมากถ้าใช้ธาตุที่ชนะทางเท่านั้นตามแผนภูมินี้
ดังนั้นเราต้องมาดูว่า แต่ละห้องแต่มีเกราะไหนบ้าง
ห้องที่ | ครึ่งแรก | ครึ่งหลัง |
1 | น้ำแข็ง, น้ำ, ไฟฟ้า | น้ำแข็ง, ไฟ, ลม |
2 | น้ำแข็ง, ดิน, ไฟฟ้า | ดิน, ไฟ, ลม |
3 | น้ำ, ไฟฟ้า, ลม | ไฟ, ไฟฟ้า, ลม |
รวม | น้ำแข็ง, น้ำ, ไฟฟ้า, ดิน | น้ำแข็ง, ไฟ, ดิน, ไฟฟ้า |
ตัวธาตุลมนั้นสร้างเกราะแค่ระยะสั้นๆ ทำให้ไม่ต้องคิดมาก และจะเห็นได้ว่าทั้งสองครึ่ง จะมีตัวธาตุดินตามด้วยตัวธาตุหลัก 3 ตัว ดังนั้นการจัดทีมจึงเป็น
ครึ่งแรก : ไฟ (ทำลายเกราะน้ำแข็ง) + ไฟฟ้า (ทำลายเกราะน้ำ) + น้ำแข็ง (ทำลายเกราะไฟฟ้า) + ดิน/ดาบใหญ่ (ทำลายเกราะดิน)
ครึ่งหลัง : ไฟ (ทำลายเกราะน้ำแข็ง) + น้ำ (ทำลายเกราะไฟ) + น้ำแข็ง (ทำลายเกราะไฟฟ้า) + ดิน/ดาบใหญ่ (ทำลายเกราะดิน)
ทั้งนี้ ดาบใหญ่สามารถเป็นธาตุอะไรก็ได้ไม่จำเป็นต้องเป็นธาตุดิน หรือถ้ามีตัวละครที่ใช้ดาบใหญ่อยู่แล้ว จะไม่ใช้ตัวละครธาตุดินก็ยังได้
ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องปั้นตัวละครธาตุที่ชนะทางให้มีเลเวลสูงๆ ก็ได้ เพราะเกราะธาตุนั้นจะแตกเมื่อถูกปฎิกิริยาธาตุ นั่นหมายถึง ต่อให้ไม่ทำดาเมจเลย แค่เอาธาตุไปแตะโดนเลือดของเกราะก็ลดได้เยอะแล้ว เพียงแค่มีเลเวลสูงก็จะเสี่ยงตายน้อยลงไปเวลาโดนตีเท่านั้น ถ้ามองสภาพรอบๆ กะจังหวะสลับตัวออกมากดสกิลแล้วเผ่นกลับ ก็สามารถใช้ตัวเลเวลต่ำๆ มาลุยช่วยเจาะเกราะได้เช่นกัน (ตัวละครที่มีสกิลเป็นช่วงระยะเวลาและสร้างสถานะได้ต่อเนื่อง เช่น Barbara, Qiqi, Xiangling จะสะดวกมากๆ)
ใครที่เป็นสายฟรี จะลำบากแค่ธาตุเดียวคือน้ำแข็งที่ตอนนี้มีแจกฟรีแค่ตัวเดียวเท่านั้น ถ้าขาดจริงๆ ให้ขาดไว้ในทีมครึ่งหลัง และอาศัยฆ่าตัวไฟฟ้าให้ไวที่สุด หรือถ้าฆ่าไม่ทันมันเปิดเกราะขึ้นมาก่อน ให้หยุดตีและรีบฆ่าตัวอื่น แล้วค่อยย้อนมาฆ่าอีกทีหนึ่ง
การกำจัดเป้าหมาย ให้ไล่ลำดับความสำคัญดังนี้ Hydrogunner (ฮีลแรงมาก) -> Geoenchanter (ลูกอีช่างแจกเกราะดิน) จากนั้นจะค่อนข้างอิสระ แต่แนะนำให้เล่นงาน Cyrogunner ก่อนเพราะยิงติดสไลว์ และชอบเดินเอาปืนยิงแช่นานๆ ทำให้สู้กับตัวอื่นลำบากมากๆ
Electrohammer, Anemoboxer, Pyroslinger แม้จะไม่มีลูกเล่นเท่าตัวก่อนหน้า แต่จะเป็นตัว DPS ของพวกฟูไต ระหว่างตีตัวสายซัพให้ร่วง พยายามหมุนกล้องมองท่าให้ตลอด ถ้าเห็นท่าลอยมาต้องรีบหลบทันที โดนครบชุดอาจจะได้นอนเอาง่ายๆ มันไม่ได้เป็นตัว DPS เล่นๆ นะเตือนไว้เลย
ชั้นที่ 8 – แรงฮึดสุดท้าย
► บัพของชั้นนี้
- เมื่อพลังชีวิตน้อยกว่า 60% เพิ่มพลังโจมตีและพลังป้องกัน 50%
- เมื่อพลังชีวิตน้อยกว่า 45% เพิ่มความเร็วโจมตี, ความเร็วเคลื่อนที่ 30%
- เมื่อพลังชีวิตน้อยกว่า 30% เพิ่มอัตราคริ 20%, ความแรงคริ 40%
มอนสเตอร์เลเวล : 70
ห้องที่ | ศัตรูที่เจอ | การท้าทาย (รวม) |
1 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 180/330/420 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
||
2 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 180/300/360 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
||
3 |
ครึ่งแรก
|
เหลือเวลาอย่างน้อย 60/120/180 วินาที |
ครึ่งหลัง
|
ทิ้งท้าย Spiral Corridor ด้วยชั้นที่ง่ายๆ แบบเก็บบัพจากชั้นยากแทน เพราะต้องเหลือเลือดน้อยๆ ที่เสี่ยงตายกว่าเดิม (ฮา)
ในชั้นนี้ ตัวละครของเพื่อนๆ ครึ่งแรกควรมีธาตุไฟ / ไฟฟ้า และครึ่งหลังควรมีธาตุน้ำไป เพื่อเจาะเกราะธาตุนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ทั้งสองครึ่งมี Ruin Guard ในห้องที่ 2 เหมือนกัน เพื่อนๆ ควรจัดตำแหน่งตัวในทีมให้ดี ถ้ามีตัวธนูมากกว่า 1 ตัว (ปกติจะมีกันแค่ Amber ยกเว้นกดกาชาได้เพิ่มมาล่ะนะ) ให้แยกกันไปทีมละตัว จะช่วยหยุด Ruin Guard จากการยิงจุดอ่อนได้และทำให้สู้ง่ายขึ้่นเยอะ
ตัว Ruin Guard นั้นทนต่อการโจมตีกายภาพมาก ดังนั้นถ้าทีมไหนมีตัวเน้นกายภาพเป็นตัวตีหลัก ให้ใช้การผสมธาตุนำไฟฟ้า (ไฟฟ้า + น้ำแข็ง) จะทำให้ตีเข้าได้ง่ายขึ้นมาก หรือใช้ตัวที่เน้นโจมตีธาตุอย่างสายสื่อเวทย์ ไม่ก็ตัวละครที่แปลงการโจมตีเป็นธาตุ อย่าง Diluc, Chongyug, Noelle จะช่วยได้มากเลยทีเดียว
ส่วนของเจ้า [ Cyro Regisvine ] และ [ Pyro Regisvine ] นั้นก็คงไม่มีอะไรมาก เจาะเกราะแล้วทุบ เดี๋ยวก็ตาย ระวังแค่ท่าที่มันจะหันดอกขึ้นด้านบนและระดมสร้างวงเวทย์ก็พอ แรงนะเอ้อบอกไว้ก่อนท่านั้น มีธาตุไฟ / น้ำไป ตีเกราะแป๊บๆ ก็แตกละ
ในด้านการลง Spiral Abyss ทั้ง 8 ชั้นโดยรวมก็จะมีดังนี้ เพื่อนๆ อาจจะยังลงไม่ไหวในตอนแรกๆ ก็พยายามค่อยๆ เก็บเลเวลตัวละคร, อัพเกรดอาวุธและ Artifact รวมถึงเลื่อนระดับโลก/ระดับเลเวลขึ้นมา ก็จะทำให้สู้ได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นลองเลือกบัพให้เข้ากับทีมของตัวเอง ดูศัตรูล่วงหน้าและจัดทางไปรับมือ จะทำให้เพื่อนๆ สามารถเอาชนะมันได้ในที่สุดนั่นเอง
เอาจริงก็ไม่อยากใช้วิธีบอกว่าพบกับฉากจบที่งดงามหรือใช้ความพยายามเอาชนะให้ได้หรอกนะ เพราะมันก็มีเรื่องของการจัดกลวิธีและตัวละคร ทีมให้เหมาะสมมาด้วย ไหนจะกาชาตัวละครอีก ยังไงแล้ว เพื่อนๆ ลองจัดธาตุให้เหมาะกับแต่ละชั้นแล้วค่อยๆ ลุยไปดูก็ไม่เสียหายหรอกน้า ….. เอาจริงมันแย่ก็ไอ้แค่ชั้น 7 นั่นแหละ!!!
จบบทความนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว หวังว่าไกด์ชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ นะ! ถ้าชอบก็มาติดตามกลุ่มของเราได้ที่