วันพุธ, เมษายน 16, 2025
หน้าแรกPC Guide บทสรุปเนื้อเรื่องของภาค Iceborne (ส่วนหลัง)

[MHW: Iceborne] บทสรุปเนื้อเรื่องของภาค Iceborne (ส่วนหลัง)

เนื้อเรื่องส่วนหลังของ Monster Hunter World: Iceborne นี้ก็ต้องบอกว่าเป็นการไล่ล่าที่หนักขึ้นและท้าทายขึ้นเป็นอย่างมากเลยทีเดียว เมื่อเพื่อนๆ ขับไล่เจ้า Velkhana ไปจากโลกใหม่ได้แล้ว เรื่องก็ไม่ได้จบแค่นั้น เมื่อมันไปจากโลกใหม่ ดินแดนน้ำแข็งก็ไม่พ้นที่ๆ มันจะกลับไปนั่นเอง

[ อ่าน ช่วงแรก ได้ที่นี่ ]

การหายตัวไปของคุณป้า

เมื่อเรากลับมา Selina ก็ต้องพบกับข่าวไม่ดีเพราะผู้การน้อยของเราไม่ได้รับการติดต่อกลับมาจากคุณป้านักแกะรอยเลย อยากให้เราไปช่วยตามหาตัวเธอหน่อย ให้เพื่อนๆ เตรียมตัวให้พร้อม พก Nullberry ไปเยอะๆ และออกสำรวจแผนที่ Hoarfrost Reach ตามตัวคุณป้ากัน

เมื่อเพื่อนๆ ไปถึงจะพบหมวกของคุณป้าตกอยู่ในร่องน้ำแข็ง ก่อนจะถูกเจ้า Shrieking Legiana ขัดจังหวะการช่วยเหลือ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเพื่อนๆ ที่จะต้องจัดการมันก่อนที่คุณป้าจะเป็นอะไรไป(มากกว่านี้) เจ้าตัวนี้จะเป็น Variant Monster หรือมอนสเตอร์ชนิดกลายพันธุ์ตัวแรกในเกมภาคนี้และได้รับผลกระทบโดยตรงจากเจ้าเวลคาน่า แม้ว่าตัวมันจะเหมือน Legiana แค่มีน้ำแข็งเพิ่มเติม แต่นั่นก็ทำให้มันโจมตีด้วยน้ำแข็งที่อันตรายกว่าเดิม และบินรวมถึงดักทางเราเก่งมากๆ เลยทีเดียว

ธาตุที่มันแพ้ทางก็จะเปลี่ยนเป็นไฟ และมีจุดอ่อนที่เพิ่มจากเดิมคือส่วนลำตัวขึ้นมา ทำให้ถ้าจับมันอยู่จะนุ่มเกือบทั้งตัวก็ว่าได้ แต่ก็จับได้ยากมากเพราะมันบินแทบจะตลอดเวลาจริงๆ การหาจังหวะใช้ Clutch Claw สอยลงมาจะช่วยได้มาก และเจ้า Legiana ตัวนี้ในจังหวะที่พุ่ง dive bomb ลงพื้นจะมีจุดอ่อนที่หากถูกโจมตีในจังหวะนั้นพอดีระดับหนึ่งจะร่วงลงมาให้ตีฟรีนานมากทีเดียว (แต่ทำได้ยากมาก) การโฟกัสไปที่หลบหลีกน้ำแข็งที่ปล่อยมาจะสำคัญมาก เพราะทำความเสียหายแบบหลายจังหวะ ตายเอาได้ง่ายๆ

แนะนำให้เพื่อนๆ พกผ้าคลุม Temporal Mantle ควบคู่กับ Evade Mantle หรือ Iceproof Mantle จะช่วยให้รับมือกับการต่อสู้นี้ได้ง่ายขึ้น และอย่าลืมใช้ Dung Pod ในการไล่มอนสเตอร์ที่ไม่พึงประสงค์ออกไปเป็นระยะๆ ด้วย เมื่อจัดการกับมันได้แล้วก็สามารถกดกลับจาก Expedition เพื่อดู Cut Scene ต่อได้เลย

 

ตัวก่อปัญหาอัพเกรด

หลังจากช่วยคุณป้าได้แล้ว ในตอนนี้เหล่ามอนสเตอร์สายพันธุ์ย่อยและกลายพันธุ์จะเริ่มเดินกันทั่ว เพื่อนๆ อาจจะเจอมันมาแล้วก่อนหน้านี้หรืออาจจะฟาดมันมาแล้ว แต่ในภารกิจครั้งนี้ ผู้การจะให้เพื่อนๆ ไปรับมือกับเจ้า Fulgur Anjanath หรืออันจาธาตุสายฟ้า ที่มาป่วนแตกอยู่ในดินแดนน้ำแข็งแห่งนี้ อย่าลืมพก Nullberry ก่อนไปลุยล่ะจ้า

ในกลุ่มสายพันธุ์ย่อย เจ้านี่อาจจะเป็นตัวที่รับมือง่ายที่สุดสำหรับหลายๆ คนเพราะท่าไม่เปลี่ยนมากนัก ยังคงเป็นอันจาเดิมๆ เพิ่มเติมคือไม่พ่นไฟ แต่สามารถสั่งขี้มูกโจมตีเราจากระยะไกลได้ ระหว่างการต่อสู้มันจะค่อยๆ สะสมพลังสายฟ้าในตัว สามารถใช้ในการโจมตี พุ่งฉก รวมถึงสั่งขี้มูกชาร์จไฟแบบสามนัดซ้อนได้ด้วย เมื่อมันชาร์จไฟจนเต็มแล้วนั้น ท่าของมันจะอันตรายขึ้นมาก สามารถสร้างสถานะ Thunder Blight ที่ทำให้เราติด Stun ได้ง่ายขึ้นได้หมด รวมถึงมีท่าไม้ตายปลดพลังไฟฟ้าที่จะพุ่งงาบระยะไกลแบบแรงมหาศาล (เกราะไม่หนาจัดก็สลายไปเลย)

หลักการต่อสู้ยังคล้ายๆ กับของเดิม เปลี่ยนจากแพ้น้ำเป็นน้ำแข็ง และสามารถโจมตีส่วนหัวเรื่อยๆ เพื่อน๊อคให้พลังไฟฟ้าของมันตีกลับ ล้มลงไปให้ตีฟรียาวๆ ได้เหมือนตัวธรรมดาอีกต่างหาก ถ้าเพื่อนๆ ไม่ชัวร์ให้เก็บผ้าคลุมไว้ใช้ตอนที่พลังไฟฟ้ามันเต็มจะช่วยเซพตัวเองได้ดี (แต่กว่าไฟจะเต็มค่อนข้างนานเลยล่ะ)

 

Astera อีกแล้วเหรอ

เมื่อจัดการอันจาได้แล้วนั้น ทางฝั่ง Astera ยังคงเจอป่วนกันต่อกับเหล่ามอนสเตอร์รุ่นใหม่ พร้อมมีกันอีกสองเควสให้เพื่อนๆ ได้เลือกทำเช่นเคย ซึ่งก็บอกได้ว่าเจ้าสองตัวนี้ แสบสันต์ไม่แพ้กันเลยทีเดียว ทำใจดีๆ แล้วจับอาวุธให้มั่นคง อย่าพึ่งวูบจนทำหลุดมือก็พอ

Acidic Glavenus : ฝันร้ายของสายตีไกลทั้งหลาย เจ้า Glavenus สายพันธุ์ย่อยตัวนี้เดินดุ่ยๆ ใน Rotten Vale พร้อมเชือดเหล่า Girros ที่ขวางหูขวางทางอย่างไม่ไว้หน้า มันมาพร้อมกับดาบที่ไม่ลุกเป็นไฟ แต่ลับให้คมกริบแทนได้ และลีลาใช้ดาบของมันยังเหนือกว่า Glavenus คนละขุมกันเลยก็ว่าได้

ด้านการแพ้ทาง มันจะเปลี่ยนมาแพ้ธาตุไฟแทน ตอนที่ดาบคมจะเป็นจุดอ่อน ในขณะที่ดาบมีคริสตัลเกาะที่ดาบจะทำให้ดาบของมันสร้างกรดที่กัดกร่อนเกราะของเราได้ (แก้ได้ด้วย Adament Seed หรืออะไรที่เพิ่มพลังป้องกัน จะหักล้างออกได้) ท่าโจมตีของมันจะเน้นการฟันกวาดมาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยทิ้งการสับสองครั้งมาเป็นการสับแล้วกวาด หรือใช้หางแทงใส่รัวๆ แทน

พยายามหลีกเลี่ยงการโจมตีเป็นชุดของมันก่อนจะทำการสวนกลับ โดยตัวเกมได้ทำจุดอ่อนที่เมื่อจบการโจมตี มันจะยืนสั่นหางเหมือนเคลิบเคลิ้ม ซึ่งจะเป็นช่วงให้เราได้โจมตีพักหนึ่ง แม้จะไม่นานมากแต่ก็คุ้มค่าเลยทีเดียว เจ้า Acidic จะเป็นตัวที่ให้ทางเลือกเพื่อนๆ สองทาง แลกหมัดกันหรือจะรอจังหวะสวนกลับของแต่ละคนจริงๆ เช่นเดียวกัน หากต้องการตีขามันอย่าลืมสร้างบาดแผลให้มันก่อน ไม่งั้นขามันจะแข็งในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

Ebony Odogaron : น้องหมาแดงที่กลายพันธุ์ไปเป็นหมาดำ แถมแย่งถิ่นหมาแดงตัวเก่าแบบไม่ต้องกลับมาคืนสังเวียนนั้น มาพร้อมกับธาตุมังกรอันดุดันเยี่ยงเดวิลโจ Nullberry จะช่วยแก้สถานะ Dragon Blight ที่ทำให้ธาตุและสถานะในอาวุธของเพื่อนๆ ไม่แสดงผลได้

ท่าของหมาดำนั้นจะแตกต่างจากหมาแดงพอสมควรเลยทีเดียว และโดยรวมไวกว่าอย่างเห็นได้ชัด การต่อคอมโบจะอ่านทางได้ยากมากขึ้นว่าจะหยุดตอนไหน ท่าที่น่ารำคาญคงไม่พ้นการโดดมาพ่นไอมังกรใส่ที่อยากใช้ตอนไหนก็ใช้ได้ รวมถึงการโจมตีด้วยการพุ่งฉกก็จะทำให้ติดสถานะ Dragon Blight ได้ทั้งนั้น การรับมือจึงคล้ายกับหมาแดงที่ต้องอาศัยการหลบจนกว่าช่องว่างจะมาแล้วอัดให้ยับเป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม ท่าที่อันตรายมากๆ จะเป็นการตั้งท่าก่อนจะตวัดหางอย่างรุนแรงที่จะงัดให้เพื่อนๆ ลอยขึ้นฟ้า กะจังหวะหลบให้ดีถ้าเห็นมันย่อตัวเล็กน้อยเพื่อจะหมุนตัวตวัดท่าใหญ่นี้

จุดขายของเจ้าหมาดำนั้นก็อยู่ที่เมื่อมีไอมังกร การโจมตีที่หัวจนถึงที่กำหนด จะทำให้มันน๊อค สูญเสียพลังมังกรไปอย่างยาวนาน ไม่สามารถโดดพ่นไอมังกรหรือฉกด้วยพลังธาตุมังกรได้ ทำให้รับมือได้ง่ายกว่าหมาแดงขึ้นมาทันที แน่นอนว่าการแพ้ธาตุของมันก็จะเปลี่ยนมาแพ้ธาตุน้ำแทนด้วย

FACT : น้องหมาดำเมื่อย้ายแผนที่จะวิ่งกลับไปคาบเนื้อก่อนย้ายแผนที่เสมอ น่ารัก

 

สมรภูมิ Selina

หลังจากกลับมาช่วยเหลือทาง Astera ได้ซักพักจนเสร็จเรื่อง งานก็เข้าทางฝั่งของ Selina ทันที เมื่อมีรายงานว่า เจ้าเวลคาน่าได้บุกโจมตีตัวฐานอยู่ ให้เพื่อนๆ เตรียมตัวในการสู้ไว้เลยทีเดียว อาวุธให้พร้อม ยาให้พร้อม Nullberry ให้พร้อม แล้วรีบตามไปช่วยฐานของเรากัน

เมื่อเพื่อนๆ ไปถึงนั้นก็จะพบว่ากำลังนัวเนียอยู่เลยทีเดียว ในการต่อสู้นี้ Velkhana จะพยายามโจมตีกำแพงอย่างต่อเนื่อง หากเพื่อนๆ ปล่อยกำแพงถูกพังก็จะพ่ายแพ้ไป ดังนั้นพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากมันเมื่อพร้อม ในตอนนี้มันจะอยู่ในโหมดเต็มพลัง ดังนั้นเพื่อนๆ จะได้เห็นทวงท่าของมันไวขึ้นเป็นอย่างมาก เร้าใจขึ้นอย่างชัดเจน กำแพงน้ำแข็งที่มันสร้างขึ้นสามารถทำลายจนหมดได้หากต้องการ รวมถึงพังครึ่งหนึ่งเพื่อใช้เป็นทางต่างระดับในการเล่นท่าชนิด Aerial ได้ด้วย (กำแพงนี้ไม่ป้องกันการโจมตีของมัน)

สิ่งที่ต้องระวังคือเมื่อมันโกรธจะพ่นบีมเส้นตรงสองครั้งติด นอกจากนี้ท่าต่างๆ จะมีพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้าง เมื่อมันร้องก่อนบีม จะเป็นการยิงบีมที่กวาดหน้าจอ หรือถ้ายกขาร้อง จะเสกน้ำแข็งให้หล่นใส่ตัวเราถ้าเผลอยืนกับที่ ท่าที่อันตรายเพิ่มเติมก็จะมีการพ่นไอเย็นลงพื้น ที่ถ้าโดนเราจะถูกล๊อคให้ขยับไม่ได้ การบินขึ้นเหนือหัวแล้วพ่นไอเย็นลงมาสร้างน้ำแข็งกระแทกเป็นวง รวมถึงไม้ตายบีมกวาดสร้างกำแพงน้ำแข็งขังเราไว้ ก่อนจะบินขึ้นไปพ่นน้ำแข็งกระแทกปิดท้ายที่สามารถฆ่าเพื่อนๆ ได้ง่ายๆ (รอดมาได้ก็ติด stun แน่นอน) หากเพื่อนๆ โจมตีมันถึงจุดหนึ่ง เกราะน้ำแข็งมันจะแตกออก ทำให้อ่อนแรงลงเหมือนตอนที่สู้กันครั้งแรก และล้มลงพักใหญ่เลยทีเดียว

ในระหว่างการต่อสู้ NPC จะช่วยสนับสนุนเราเป็นระยะๆ อย่างฮึกเหิม และเมื่อสู้จนถึงจุดหนึ่ง จะมีการเรียกให้เรากลับเข้าไปในฐานเพื่อเตรียมใช้อาวุธใหม่ Dragon Razor ที่ยังไม่พร้อมใช้งานดี ให้เพื่อนๆ รีบเอาเชื้อเพลิงไปใส่ให้กับอาวุธนี้ทั้งหมดสองถัง ก่อนที่เจ้าเวลคาน่าจะเข้ามาป่วนให้ได้ (กะค่า Stamina ตอนวิ่งดีๆ จ้า) เพราะถ้าใส่ไม่ทันงานนี้จะวุ่นวายมากเลยทีเดียว เมื่อเพื่อนๆ ใส่ทันให้ล่อเจ้าเวลคาน่าไปที่ลาน และการต่อสู้สุดวุ่นวายนี้ก็จะจบลงด้วยชัยชนะของเรา

 

แค่ไล่ยังไม่ปลอดภัย ต้องเอาให้ชัวร์

หลังจากขับไล่สำเร็จแล้ว ผู้การน้อยของเราก็ได้ออกคำสั่ง จัดการให้สุดตัวเลยดีกว่ากันมา ซึ่งคราวนี้เพื่อนๆ จะได้ภารกิจต่อสู้กับเจ้า Velkhana กันแบบเต็มตัวแล้ว สามารถล่าตั้งแต่ต้นจนจบได้เลย โดยสถานที่ก็ไม่ใช่ที่อื่นใด ที่ Hoarfrost Reach นั่นเอง ดังนั้นก็ขอให้เตรียมตัวให้พร้อม การเปิด Camp ต่างๆ ให้ครบทั้งแคมป์ 7 และ 15 จะช่วยให้สามารถเข้าถึงตัวมันได้เร็วขึ้นด้วย

ในครั้งนี้จะไม่มี NPC มาช่วยชะงักหรือโจมตีแล้ว ดังนั้นเพื่อนๆ จะต้องงัดฝีไม้ลายมือทั้งหมดมาคว่ำมันลงให้ได้ พยายามสังเกตุพื้นที่รอบๆ ตัว หลีกเลี่ยงพื้นที่ที่มีไอเย็นจะช่วยให้ป้องกันของเสริมจากท่าต่างๆ ของมันได้ หากต้องการเติมเลือดควรเว้นระยะห่างแค่พอเล็กน้อยให้ไม่โดนการใช้หางแทง(โดยไม่บิน) จะทำให้เพื่อนๆ ค่อนข้างปลอดภัยจากการเจอบีมกวาดซ้ำได้เพราะสามารถวิ่งเข้าหาตัวมันได้ทันหากจำเป็น

การเน้นโจมตีส่วนหัวของเจ้าเวลคาน่าจะทำให้มันล้มลงได้เหมือนกับ Elder Dragon ตัวอื่นๆ รวมถึงเมื่อโจมตีถึงระดับเกราะน้ำแข็งจะแตกได้เช่นเดิม การตัดหางมันอาจจะช่วยได้บ้าง แต่เมื่อมันเปิดเกราะน้ำแข็ง จะมีน้ำแข็งงอกมาทำให้ระยะของหางไกลเหมือนเดิม ดังนั้นเน้นการโจมตีสร้างความเสียหายโดยตรงจะดีที่สุด

ผ้าคลุมที่แนะนำก็จะเป็น Temporal, Evade หรือ Iceproof ที่ช่วยในการป้องกันได้ดี พยายามหาจังหวะที่เวลคาน่าไม่โกรธ ล่อและจับกระแทกผนัง จะช่วยร่นเวลาในการลุยเควสนี้ได้เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

TIP : เมื่อมอนสเตอร์หลับ ให้ดูทิศที่มอนหลบและหันหน้าไปว่าติดกำแพงไหม ถ้ามีกำแพงอยู่ใกล้ๆ วางถังระเบิดไว้ที่กำแพงและปลุกด้วยการใช้ Clutch Claw ให้พุ่งไปอัดกำแพง นอกจากจะทำให้มอนล้มมีเวลาตีฟรีแล้ว ยังโดนถังระเบิดแถมไปด้วยพร้อมกัน

 

จบเรื่องราวของเวลคาน่า แต่บทเพลงยังไม่หายไป

แม้ว่าเพื่อนๆ จะจัดการเจ้าเวลคาน่าได้แล้ว แต่เวลคาน่าไม่ใช่ตัวการที่ทำให้เราได้ยินเสียงเพลงที่ทำให้เหล่ามอนสเตอร์มีนิสัยเปลี่ยนไป ดังนั้นเรายังคงต้องตามหาเบาะแสต่อ ซึ่งเสียงเพลงนี่ก็ได้ทำให้เหล่า Elder Dragon เริ่มเปลี่ยนไปเช่นกัน ดังนั้นในครั้งนี้เราจะได้ออกตามสำรวจร่องรอยของเหล่า Elder Dragon กันบ้าง แน่นอนว่าพูดถึง Elder Dragon ก็คงไม่พ้นที่ Elder Recess นั่นเอง

ที่ Elder Recess เพื่อนๆ จะได้เจอกับร่องรอยของเจ้า Nergigante อีกครั้ง รวมถึงตัวผู้การใหญ่ แต่ยังไม่ทันอะไรก็ถูกขัดจังหวะโดยเจ้า Bezelgeuse เสียก่อน ทำให้ต้องจัดการให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปถึงจะสำรวจต่อได้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เจ้ามะกรูดตัวเดิม แต่เป็นมะกรูดกลายพันธุ์ Seething Bazelgeuse

สำหรับเจ้าบาเซลตัวนี้จะปล่อยระเบิดเรี่ยราดน้อยลงพอประมาณ ทำให้เพื่อนๆ มีโอกาสโจมตีได้มากขึ้น แต่ในเวลาเดียวกัน มันก็มีท่าใหม่อย่างการกระโจนเข้าใส่ รวมถึงสะบัดหางโปรยระเบิดเป็นวงกว้าง เมื่อต่อสู้ไปสักพัก ระเบิดมันจะเริ่มมีแสงสว่างมากขึ้น จนกระทั่งกลายเป็นสีม่วงบานเย็น ในตอนนี้ระเบิดมันจะทรงพลังขึ้น เมื่อหล่นแล้วจะชาร์จตัวเองซักพักก่อนระเบิดอย่างรุนแรงมาก แถมทุกๆ การโจมตีจะหว่านน้องๆ นิวเคลียร์ไปทั่วเยี่ยงน้ำลายแตกฟอง

ท่าไม้ตายใหม่ของมันจะเกิดขึ้นเมื่อระเบิดที่ตัวกลายเป็นสีบานเย็นทั้งหมด มันจะสะบัดระเบิดออกไปรอบตัวก่อนจะบินลงมาทิ้งดิ่งกลายเป็นระเบิดโลกาวินาศ เจ้าบาเซลตัวนี้มีจุดอ่อนที่หางและปีกและแพ้น้ำแข็งมากกว่าสายฟ้าแล้ว การตีปีกจะค่อนข้างปลอดภัยมากกว่าถ้าไม่ชินกับมัน

 

มังกรแห่งป่าใหญ่

หลังจากกำจัดเจ้าบาเซลได้แล้ว ภารกิจของเพื่อนๆ จะเป็นการสำรวจหาร่องรอยของ Elder Dragon ในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งยังคงใช้วิธีแบบเดิมๆ ในการตามหาร่องรอยของ Elder Dragon ก็ได้ หรือจะเล่นเควสในพื้นที่ต่างๆ ก็ได้เกจวิจัยเช่นเดียวกัน หากเพื่อนๆ ต้องการฟาร์มวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนมอนสเตอร์เพิ่มเติม ก็ขอแนะนำให้ใช้วิธีเล่นเควสไปเรื่อยๆ จะดีกว่าจ้า เพราะตอนนี้จะมีชุดให้เพื่อนๆ ฟาร์มกันสนุกเลยทีเดียว

หลังจากเกจเต็มแล้ว เพื่อนๆ จะได้รับภารกิจในการจัดการกับ Elder Dragon ตัวต่อไป โดยเป้าหมายของเราคือ Ancient Forest นั่นเอง ที่นี่ในพื้นที่กลางป่านั้น เพื่อนๆ จะได้เจอกับเจ้า Blackveil Vaal Hazak มังกรซอมบี้ฉบับกลายพันธุ์ ผู้มาพร้อมกับสปอร์เชื้อราเต็มตัวไปหมด

สำหรับเจ้าวาลตัวนี้ สกิลอย่าง Effluvia Resistance ยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ เพราะการถูกสปอร์ของมันบ่อยๆ จะทำให้เพื่อนๆ ติดสถานะ Effluvia (เลือดหารสอง) ได้เช่นเดิม ซึ่งหากไม่มีสกิลนี้ ก็ใช้ Nullberry แก้ทางได้ แต่ถ้าเพื่อนๆ เล่นสายประชิดควรมีสกิลนี้ไว้ตัดปัญหาจะดีกว่า การโจมตีของมันจะเหมือนกับพวกกลายพันธุ์ตัวอื่น ใช้ท่าใหม่ปนกับท่าเก่าเท่าๆ กัน โดยมีการเดินถอยหลังพ่นควันระยะสั้น และมีไม้ตายเป็นการรวบรวมสปอร์ในตัวก่อนจะบินขึ้นและโปรยออกไปเป็นกลุ่มรอบตัว สปอร์นี้จะเกาะพื้นนานมากและลดเลือดของเพื่อนๆ ยิ่งกว่าโดนสูบพลังชีวิตหากไปยืนบนพื้นที่นั้น

รอบตัวของมันจะมีสปอร์เกาะเป็นกลุ่มใหญ่ๆ อยู่ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถตีให้แตกได้ แต่มันจะปล่อยควันออกมาลดเลือดของเพื่อนๆ ด้วย แลกกับการที่เมื่อตุ่มเหล่านี้แตก จะทำให้มันใช้ไม้ตายระเบิดสปอร์ไม่ได้ สำหรับวาลตัวนี้จะแพ้ทางธาตุมังกรมากกว่าไฟแล้ว และเมื่อเทียบกับตัวเก่า ร่างกายจะแข็งกว่าพอสมควร ให้ใช้ Clutch Claw ในการทำให้อ่อนนุ่มลงจะช่วยได้มาก

 

มังกรแห่งผาประการัง

เมื่อจัดการเรื่องในป่าแล้ว การตามรอย Elder Dragon อีกตัวหนึ่งก็จะเริ่มต้นขึ้น ให้เพื่อนๆ หาร่องรอยกันแบบเดิมๆ เพื่อปลดล๊อคภารกิจต่อไป ครั้งนี้จะเป็นที่ Coral Highland ให้เพื่อนๆ วิ่งตามรอยจนไปถึงพื้นที่ด้านบนของ Coral Highland จะได้เจอกับ Cut Scene ของมังกรโบราณตัวใหม่ ผู้มีแสงไฟสดใสดั่งปลาหมึกยามค่ำคืน Namielle ก่อนจะเล่นเราจนหน้าหงาย

เมื่อฟื้นขึ้นมา ก็ได้เวลาชำระแค้น เจ้านามิเอลจะเล่นกับธาตุน้ำเป็นหลัก และมีการใช้สายฟ้าเป็นรอง การพก Nullberry จะช่วยแก้ปัญหายามพลาดได้พอสมควร นามิเอลแพ้ธาตุไฟและมังกร แต่จะแพ้ไฟมากขึ้นเมื่อมันสะสมน้ำไว้ในตัว มันถนัดในการใช้บีมน้ำโจมตีทั้งด้ามหน้าและกวาดข้าง และใช้เกือบตลอดเวลา หากเพื่อนๆ ไม่มั่นใจการเข้าประชิดมันจริงๆ ให้เน้นการใช้ Clutch Claw ข่วนขาหลัง ลำตัว และหาง จากนั้นซุยหางรัวๆ จะปลอดภัยที่สุด

การใช้น้ำของมันจะทำให้เกิดเมือกน้ำเกาะที่พื้น ส่งผลให้มันสามารถใช้ท่ากระทืบพื้นทำให้เกิดกระแสน้ำเบาๆ ให้เราเสียหลัก หรือคอมโบกับการใช้สายฟ้าที่ปีก จุดระเบิดที่แอ่งนั้นจนระเบิดอย่างรุนแรงได้ ไม้ตายของนามิเอลจะเป็นการลอยตัวขึ้นไปก่อนจะแทงปีกลงมา เพื่อระเบิดเมือกน้ำทั้งหมดอย่างรุนแรงมาก หากเป็นมันบินขึ้นช้าๆ และเล็งปีกลงมา เก็บอาวุธแล้วโผหากรอบตัวมีแต่แอ่งน้ำ จะดีกว่าพยายามเดินหนีออกจากแอ่งน้ำ

TIP : กระสุน Moss ทุกชนิดสามารถยิงลงเมือกน้ำเพื่อล้างเมือกออกจากพื้นที่นั้นได้ แต่แนะนำให้ใช้เฉพาะยามจำเป็นจะดีกว่า เนื่องจากนามิเอลจะสร้างเมือกทุกการโจมตี ล้างเมือกยังไงก็ไม่ทันหรอก

แน่นอนว่าการตีหัวมันบ่อยๆ ก็จะทำให้มันล้มลงไปนอนดิ้นแง้วๆ ได้เช่นเดียวกับตัวอื่น แต่นั่นหมายถึงว่าเพื่อนๆ ต้องรับมือกับการโจมตีจากบีมน้ำของมันเป็นนะเอ้อ

 

ดินแดนแห่งต้นกำเนิด

การค้นหาร่องรอยต่างๆ รวมกับข้อมูลที่มี ทำให้เราสามารถระบุที่มาที่ไปได้แล้ว โดยเจ้าเสียงเพลงนี้เกี่ยวโยงกับ Everwyrm และมาจากดินแดนที่อยู่ห่างไกลออกไป เพื่อค้นหาว่าตกลงจริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่ พวกเราจึงยกทัพไปเยือนดินแดนแห่งนี้กันโดยพร้อมหน้า ก่อนออกเดินทาง ขอแนะนำให้เพื่อนๆ จัดชุดไว้สู้ศึกหนักไว้เลย พร้อมหยิบ Farcaster (ควันเขียว) ไว้ด้วย เพื่อนๆ จะได้ใช้อย่างแน่นอน

เมื่อมาถึงเพื่อนๆ จะได้เจอกับพื้นที่เป็นหลุมกว้างเหมือนกับลานอะไรซักอย่าง ในขณะที่กำลังพยายามสำรวจนั้น เจ้า Nergigante ก็จะมาทักทาย แน่นอนว่าตัวมันเองก็ได้ผ่านพ้นอะไรมาหลายอย่างและเปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน มันได้กลายเป็น Ruiner Nergigante ไปแล้ว พร้อมกับหนามที่มาเป็นสีเหลือบรุ้งเลยทีเดียว

เจ้ารูนเนอร์จะมาทักทายและไล่บี้เราข้อหารบกวนมื้อเย็นอีกคราว ด้วยความกลายพันธุ์ของมัน หนามของมันจะงอกแบบดูค่อนข้างยาก (ในตอนที่เป็นจุดอ่อน หน้ามจะงอกเพิ่มและมีสีออกเหลืองครีมแซมในจุดนั้น) มีท่าใหม่ๆ เพิ่มเติมมากมายกว่าใครเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการไถให้ล้มอย่างรวดเร็ว การคำรามและโดดต่อยพื้นก่อนจะสลัดหนามออกมา หากเพื่อนๆ ปล่อยให้หนามมันเยอะขึ้น การโจมตีของมันก็จะระเบิดหนามออกมากระแทกให้ติดสถานะเลือดออก (Bleeding) ตามไปอีก เจ้ารูนเนอร์นั้นมาพร้อมกับการแพ้ทางธาตุมังกรที่มากขึ้นและเทียบเคียงธาตุสายฟ้าเลยทีเดียว

TIP : ทิศที่เนกิ Dive และสลัดหนามดูได้จากการยกมือของมันตอนคำราม เช่นยกทางซ้ายสูงกว่า มันจะกระแทกและสะบัดหนามไปทางซ้าย ยกทางขวาจะไปทางขวา ยกสองข้างเท่ากันจะสะบัดไปด้านหน้า

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่การทักทายเท่านั้น เจ้ารูนเนอร์นั้นมีพลังชีวิตให้จัดการไม่เยอะนัก (แต่ก็เยอะตามประสา Master Rank) เมื่อเพื่อนๆ ทุ่มเทพลังจัดการมันลงได้ เป้าหมายที่เราต้องการเจอจริงๆ ก็จะปรากฎตัวออกมา ด้วยขนาดที่มโหราฬ แม้ว่าคุณป้าจะพยายามให้เราล่าถอย แต่ตัวเราได้ตัดสินใจแล้วที่จะทำให้ทุกอย่างจบลงที่นี่ ก่อนจะรับหน้าออกไปปะทะกับมัน พร้อมกับพื้นที่พังทลายลงไปสู่สังเวียนที่แท้จริง

 

Everwyrm

เจ้าของเสียงเพลงนั้นจะปรากฎตัวออกมาพร้อมกับรูปร่างที่ใหญ่โต ดูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก พร้อมกับหินผาจำนวนมหาศาลที่ปกป้องร่างกายของมันเอาไว้ (อันที่จริงต้องบอกว่ารูปร่างมันเหมือนหมาปั๊กติดปีก) ด้วยความตุ๊ต๊ะนี้ ทำให้มันเคลื่อนไหวช้า แต่โจมตีได้แรงมาก

การเตรียมตัวนั้น ให้เพื่อนๆ พก Farcaster เอาไว้ หากใช้อาวุธธาตุ ธาตุน้ำแข็งจะช่วยได้มาก และหากมีเพชร Aqua/Polar ให้ติดตั้งไว้ซักเม็ดหนึ่ง จะช่วยทำให้เดินบนทรายดูดได้ตามปกติ จุดอ่อนของน้องหมาปั๊กจะอยู่ที่ใบหน้า และในพื้นที่ที่ต่อสู้ จะมีบริเวณที่มีเชิงผาแหลมที่สามารถกระแทกให้น้องหมาเอาหัวโขกและหินร่วงลงมาทำความเสียหายหลายพันหน่วย 2-3 ครั้งกับน้องหมาได้ ซึ่งจะช่วยย่นเวลาการต่อสู้ได้มากเลยทีเดียว

ดูหินที่เป็นสีเหลืองๆ แบบนี้ โขกได้สองครั้งจ้า

เมื่อน้องหมามุดพื้นทราย จะทำการสร้างทรายดูดที่ไม่มีอันตรายพิเศษอะไรนักออกมา แต่จะทำให้เพื่อนๆ เดินได้ช้าลงเหมือนกับอยู่ในน้ำนั่นเอง

หลังจากสู้ได้ซักพักใหญ่ น้องหมาจะสลัดหินผาที่ปกป้องตัวมันออก ก่อนจะเปิดเผยร่างจริงที่น่าเกลียดน่ากลัวออกมา พร้อมกับสนามต่อสู้ที่ถูกถล่มให้กลายเป็นลานทรายกว้าง การต่อสู้ที่แท้จริงพึ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น! หากเพื่อนๆ มี Farcaster อยู่ กดใช้เพื่อกลับไปเติมเสบียงเพิ่ม (หากใช้ไป) ก็จะเป็นการดีมาก ในร่างสองนี้บอสของเราจะมีท่าที่อันตรายเยอะไปหมด

  • ยิงบีมเส้นตรงอย่างรุนแรง ถ้าติด stun อยู่บอสจะใช้ท่านี้ปิดฉาก
  • หลุมทรายดูดเมื่อถูกท่าต่างๆ ของบอส จะเกิดพื้นสะเทือนก่อนจะระเบิดหินออกมาอย่างรุนแรง
  • ยกขาหน้าขึ้นและยิงบีมเส้นเล็กไขว้กันไปทางด้านหน้า
  • ยิงบีมเส้นเล็กจากปีกไปทางด้านหน้า ก่อนจะกวาดไขว้ไปมาไปเรื่อยๆ จนสุดทาง
  • ยิงบีมเส้นเล็กเป็นเส้นตรงไปทางด้านหน้า ก่อนจะไขว้ไปมากลับมาด้านหน้าตัวบอส
  • ใช้ปีกข่วนซ้าย / ขวา หรือรวบทั้งสองข้างเข้ามา หรือไถไปด้านหน้า
  • ใช้มือตบและยิงบีมเส้นเล็กซ้ำ
  • กัด
  • ใช้ปีกจิกพื้นสร้างทรายดูดตามตำแหน่งของเรา ทรายดูดนี้จะระเบิดออกอย่างรวดเร็วก่อนจะทิ้งหลุมทรายดูดไว้
  • การใช้ท่าเล็กเช่นตบซ้ายขวา จะใช้ปีกยิงบีมเส้นเล็กตามมาเสมอ
  • มุดทรายออกไปใช้ท่าไม้ตาย รวบรวมบอลลมไว้ที่ตัวก่อนจะเขวี้ยงไปด้านหน้า ระเบิดเยี่ยงนิวเคลียร์รวมถึงทำให้ทรายดูดทั้งหมดระเบิดออกมาพร้อมกันและหายไป ให้หลบด้วยการอยู่ชิดกำแพงห่างจากตัวบอสเอาไว้หรือโผให้ตรงจังหวะ
  • หลังใช้ท่าไม้ตาย ถ้าเลือดของบอสลดลงมากพอ จะใช้ท่าอื่นตามมาทันที เมื่อบอลระเบิดออกให้วิ่งออกด้านข้างต่อเพื่อหลีกเลี่ยงการโดนอัดทีเผลอ

ตัวบอสใหญ่นั้น สามารถทำให้ส่วนหน้าแตกได้สองครั้ง ในครั้งที่สองจะหลุดออกมาเป็นแผ่นให้แล่ได้ แต่ว่าทำได้ค่อนข้างยาก การใช้สกิลอย่าง Partbreaker จะช่วยได้ค่อนข้างมาก การสู้กับมันนั้นก็คงไม่อาจจะแนะนำอะไรได้มากกว่าการดูท่าของมันและหลบหลีก ให้ได้ โดยเฉพาะท่าบีมทั้งหลายไม่ว่าจะเส้นเล็กเส้นใหญ่ จะทำให้เพื่อนๆ เอาชนะได้ง่ายขึ้นมาก พยายามระวังทรายดูดไว้เสมอ เพราะการที่บอสใช้ท่ามาโดนหรือใกล้ๆ หลุมทรายดูด จะทำให้เราติดสถานะสะเทือนและโดนระเบิดหินกระแทกอย่างแน่นอน

เมื่อจัดการบอสได้แล้วนั้น เพื่อนๆ ก็จะได้เจอกับฉากจบที่น่าประทับใจ รวมถึงเซอร์ไพส์ที่คาดไม่ถึงอีกด้วย ก็ขอแสดงความยินดีกับเพื่อนๆ ที่สามารถฟันฟ่าเนื้อเรื่องของ Monster Hunter World: Iceborne ได้จนจบ จัดการเจ้า Shava Ishvalda กันมาได้อย่างเต็มภาคภูมิจ้า

 

สรุปเรื่องราวที่ผ่านมา

Monster Hunter นั้นไม่ใช่เกมที่เน้นเนื้อเรื่อง แต่เน้นการล่ามอนสเตอร์ เนื้อเรื่องจึงเบาๆ มึนๆ พอสมควร โดยใน Iceborne นี้ เหล่ามังกรต่างๆ จะถูกเสียงของ Shava Ishvalda รบกวนทำให้มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ซึ่งสาเหตุของการปล่อยเสียงมารบกวนนั้นไม่ถูกอธิบายเอาไว้ แต่มันก็แค่ปล่อยเสียงมาช่วงนี้พอดี ส่งผลให้เหล่า Legiana มีการพลัดถิ่น รวมถึงเจ้า Velkhana ได้เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนสภาพร่างกายที่โลกใหม่พอดี เรียกว่าจังหวะต่างๆ ลงตัวกันจนเกิดเหตุอาเพศไปทั่ว (หรือจะเรียกว่าถูกเสียงรบกวนจนย้ายมาเฮฮาที่โลกใหม่ก็ว่าได้)

แม้ว่าเหล่านักล่าจะช่วยกันจัดการมอนสเตอร์ตัวนั้นที ตัวนี้ทีเพื่อระงัดเหตุอาเพศไม่ให้ลุกลามจนโลกใหม่ล่มสลาย แต่เมื่อเกิดคำถามว่า แล้วถ้าไม่มีนักล่ามาจัดการล่ะ ธรรมชาติไม่ทำลายตัวเองงั้นหรือ? ผู้การใหญ่ก็ได้สรุปว่า ในจังหวะที่เจ้ามังกรโบราณตัวการเรื่องทั้งหมดปรากฎตัวออกมา จังหวะนั้นคือจังหวะที่ Nergigante จะเข้ามามีส่วนร่วมและกำจัดมังกรโบราณตัวนั้นทิ้งและทำให้ทุกอย่างจบลงสู่สมดุลย์ของมัน (เป็นที่มาของการที่เราเจอเจ้า Nergigante ที่ลานของ Shava Ishvalda นั่นเอง)

ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไป การที่ Zorah Magdaros โดนพลังงานดึงดูดให้ย้ายถิ่นมานั้น เจ้า Nergigante ก็ตามมาเล่นงานอยู่เสมอ ถ้าดูจากสภาพ ต่อให้เหล่านักล่าไม่ไปไล่มันลงทะเลนั้น ดูทรงแล้วเจ้า Zorah ก็น่าจะโดน Nergigante เล่นงานจนไม่อยากอยู่ใกล้โลกใหม่แล้วอยู่ดี

 

จบแล้วทำอะไรต่อดี?

เมื่อเพื่อนๆ เล่นภาค Iceborne จบเนื้อเรื่องแล้ว อาจจะเคว้ง ไม่รู้จะทำอะไรต่อ ตรงนี้ก็ขอแนะนำการฟาร์มหลังเล่นจบกันซํกหน่อยจ้า

► ลุย Guiding Land

Guiding Land นั้นเป็นเนื้อหาจบเกมของเพื่อนๆ ในภาคนี้ การลุยเก็บเลเวลพื้นที่ต่างๆ ใน Guiding Land จะช่วยปลดล๊อควัตถุดิบในการ Augment อาวุธและชุดเกราะของเพื่อนๆ รวมไปถึงการปลดล๊อคมอนสเตอร์ที่ซ่อนอยู่อีกหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น Zinogre, Scarred / Yian Garuga, Gold Rathian, Silver Rathalos, Brute Tigrex ทำให้เพื่อนๆ ได้สัมผัสกับมอนสเตอร์ทุกตัวในเกมจริงๆ (รวมถึงตัวที่จะมาภายหลัง patch หลังจากนี้อีกด้วย)

► ไล่เก็บสะสม Achievement

อีกหนึ่งในสิ่งที่หลายคนชื่นชอบคือการเก็บสะสมรางวัลต่างๆ ในภาคนี้ก็มีถ้วยรางวัลมากมายให้เพื่อนๆ ได้เก็บสะสมกันตาเหลือกอีกเช่นเคย โดยเฉพาะไซส์ของมอนสเตอร์ต่างๆ ที่มีมากมายให้ได้หาจนน้ำตาไหลกันอีกครั้ง

► จับสัตว์ / ประดับบ้านให้สุดๆ

มีสัตว์มากมายให้เพื่อนๆ ได้จับเพิ่มในภาค Iceborne นี้ รวมถึงขนาดที่เพิ่มมา และของประดับบ้านต่างๆ ที่มีเควสให้ปลดล๊อคมากมายมหาศาลเลยทีเดียวล่ะ

► ฟาร์มเพชรเพื่ออัพชุดให้สุดกันไปเลย

เช่นเดียวกับภาค World เหล่ามอนสเตอร์ม่วงทั้งหลายจะมาแจกเพชรมากมายให้เพื่อนๆ ได้นำไปจัดชุดให้สุดอย่างที่ตัวเองต้องการได้ การฟาร์ม Investigate มอนม่วงต่างๆ จึงเป็นของเล่นของเพื่อนๆ อีกคราว

► ลุยเควสให้ครบ

นอกจากเนื้อเรื่องแล้ว ยังมีเควสต่างๆ อีกมากมายให้เพื่อๆ ทำให้ Optional Quest รวมถึงคำร้องขอให้ถ่ายรูปแมวของคุณลุงแมวอีกด้วย

 

ตรงนี้เพื่อนๆ ที่เล่นจบแล้วก็จะพักมือ หรือจะฟาร์มต่อก็แล้วแต่เพื่อนๆ ล่ะจ้า จะลองเปลี่ยนบรรยากาศ เล่นกับเพื่อนมาตลอด เล่นคนเดียวบ้าง หรือเล่นคนเดียวมาจะหาตี้ลุยกับเพื่อนก็สนุกไปอีกแบบ รวมถึงการไปช่วยเหลือคนอื่นๆ หรือพยายามจับทริคการสู้มอนแต่ละตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นของตัวเองก็ทำให้เพื่อนๆ สนุกกับเกมได้เช่นเดียวกัน


RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

Most Popular

Recent Comments