หลังจากที่ครั้งก่อนได้แนะนำเกี่ยวกับตัว Payday 2 ไปแล้ว ในครั้งนี้หมานิมก็จะมาขอแนะนำในส่วนของระบบพื้นฐานการเล่นใน Payday 2 กันต่อสำหรับท่านที่สนใจอยากลองดู ‘ w ‘/
อันที่จริงหลักๆก็จะค่อนข้างเหมือนกับเกมแนว Peer 2 Peer แบบ co-op อยู่แล้วที่จะเป็นลักษณะของการสร้างห้อง-แจม-ลุย แต่ก็จะแตกย่อยในส่วนของอะไรที่เป็นของทาง Payday 2 ให้มากขึ้นละกันน่อ
=== Crime.net ===
การรับภารกิจปล้นใน Payday 2 นั้นจะเริ่มจากการเข้าไปที่ Crime.Net (เป็นระบบสมมุติของเกมจ๊ะ ไม่ใช่ของจริง) หรือ Crime.net Offline (สำหรับเล่นคนเดียวเวลา net พัง)
เมื่อเข้ามาแล้ว ระบบจะทำการสุ่มห้องต่างๆของคนที่อยู่ในโซนใกล้เคียงกันมาให้ ตรงนี้ผู้เล่นจะสามารถปรับการสุ่มได้จากส่วนของ Filter (ในส่วนของ Distance ควรเลือกที่ Close จะทำให้อยู่ในเขตประเทศไทยเป็นหลัก ค่า ping ไม่สูงมาก)
ในกรณีที่ผู้เล่นต้องการสร้างห้องเอง สามารถเลือกห้องที่มีปุ่มวงกลมสีขาวขนาดใหญ่ที่ถูกสุ่มขึ้นมาก็ได้ หรือจะรับงานจากผู้ว่าจ้างโดยตรงผ่าน Contact Broker ก็ได้เช่นกัน แน่นอนว่าการรับงานโดยตรงเราจะต้องเสียเงินสำรองที่เรียกว่า Offshore ไป แต่จะไม่ต้องเสียเวลารอเกมทำการสุ่มงานหรือความยากที่ต้องการให้
หลังจากนั้น ผู้เล่นจะเข้าสู่ Lobby อันเริ่มจะคุ้นเคยสำหรับเกมแนว multi-player แล้ว ตรงจุดนี้ เจ้าของห้องจะเป็นผู้ที่สามารถกดเริ่มได้เท่านั้น คนอื่นจะทำได้แค่รอหรือปรับเปลี่ยน skill อะไรต่างๆ ผู้เล่นที่ไม่ได้เปิดเข้าหน้าจออื่นจะขึ้น Ready เสมอ และไม่จำเป็นว่าผู้เล่นทุกคนต้อง Ready ถึงจะกดเริ่มได้ ดังนั้นทั้งคน join และเจ้าของห้องต้องคุยกันซักหน่อยเพื่อเช็คความพร้อม-ไม่พร้อม
หากเจ้าของห้องกด Start the Heist เกมก็จะตัดเข้าสู่หน้าจอวางแผนการจริงๆแล้ว ในหน้าจอนี้จะประกอบไปด้วยรายละเอียดของงานแบบคร่าวๆ, การวางแผนหรือซื้ออุปกรณ์เสริมในฉาก, ปรับเปลี่ยนอาวุธต่างๆ (ยกเว้น skill), เช็คอาวุธของคนอื่นๆในทีม รวมถึงเลือกเพลงในด่านได้เองด้วย ก็อย่าลืมปรับแต่งให้เรียบร้อยและกด Ready เพื่อจะออกลุยกันจริงๆ
การเล่น Payday 2 อาจจะจำเป็นต้องพึ่งความรู้ภาษาอังกฤษพอสมควร หรือถ้าไม่ทราบภาษาก็ต้องสังเกตุสังกากันซักหน่อย ตัวเกมก็จะมีระบุเป้าหมายให้คร่าวๆเป็นตัวชี้เป้าสีขาวปรากฎบนจอให้ว่าต้องทำอะไร ส่วนมากก็จะเป็นการเข้าไปทำการบางอย่าง, นำสิ่งของที่เป็นภารกิจมายังจุดนี้ การที่รู้ภาษาอังกฤษจะทำให้เราเข้าใจสิ่งที่ Bain พยายามติดต่อกับผู้เล่นและเป้าหมายได้ง่ายขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ภาษาที่ใช้ใน Payday 2 สำหรับส่วนของเป้าหมายนั้นจะค่อนข้างง่ายและกระชับให้เข้าใจทันที เช่นให้ขนของไปที่นี่ ให้ใช้สว่านเจาะที่นี่ ให้หาของที่อยู่ที่นี่ ประมาณนั้น ดังนั้นไม่ต้องกังวลว่าต้องใช้ระดับภาษาที่สูงถึงจะเล่นได้สนุก ไม่ใช่เกม RPG มิต้องกังวลจ้า
ภารกิจใน Payday 2 จะแบ่งหลักๆเป็นสองแบบคือ Loud (บุกปล้นแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้น) กับ Stealth (ปล้นแบบไม่ให้สัญญาณเตือนภัยดัง) ในบางงานก็จะสามารถเล่นได้ทั้งสองรูปแบบ แต่ในบางงานก็จะบังคับให้เล่นแบบใดแบบหนึ่งเท่านั้น ทางผู้พัฒนาเองก็ได้นำส่วนของ The Basic เข้ามาเพื่อใช้สอนผู้เล่นใหม่ๆให้เข้าใจทั้งสองระบบคร่าวๆได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แน่นอนว่าโดยปกติแล้ว การเล่นแบบ Loud มักยุ่งยากน้อยกว่า ในขณะที่ Stealth นั้นมีความกดดันและซับซ้อนมากกว่า ทำให้ถ้าต้องการเล่นแบบทั่วไปที่ให้ทุกคนมาแจมได้นั้นการเล่นแบบ Loud มักจะไปได้สวยกว่า
*อนึ่ง หากผู้เล่นทำการเล่นในรูปแบบ Stealth ผ่าน จะได้รับค่า EXP Bonus เรียกว่า Stealth Bonus สำหรับในภารกิจต่อไปด้วยจ้า*
เมื่อจบภารกิจแล้วก็จะแสดงหน้าจอสรุปผลแบบคร่าว รายงานว่าในงานนี้เราได้รับเงินสด (Instant cash – สำหรับซื้อหรือปรับแต่งปืนและของเสริมในฉาก) และเงินสำรอง (Offshore account – สำหรับดีลงานกับ Broker โดยตรง) เท่าไหร่, ค่าประสบการณ์เท่าไหร่ หลังจากนั้นก็จะเป็นในส่วนของการเลือกการ์ดรางวัล เกมจะสุ่มว่าเราจะได้อะไรเช่น ของแต่งหน้ากาก, ชิ้นส่วนปรับแต่งปืน, เงินกินขนม
=== Inventory ===
ตัว Inventory นั้นจะเป็นจุดหลักๆที่ผู้เล่นใช้ในการปรับแต่งตัวละครทั้งหมด
ทางซ้ายมือจะบอกข้อมูลคร่าวๆและค่า Status ของผู้เล่นให้ทราบ ส่วนทางขวามือจะเป็นส่วนสำหรับปรับแต่งประกอบไปด้วย
– Character เป็นการเลือกตัวละคร 1-4 ตัวที่เราอยากจะใช้เป็นหลัก โดยลำดับหลังๆคือในกรณีที่เรา join แล้วมีคนใช้ตัวละครนั้นไปแล้ว
– Mark ใช้สำหรับเลือกหน้ากากที่อยากจะใส่ ผู้เล่นสามารถปรับแต่งหน้ากาเพิ่มเติมได้ในหัวข้อ Customize Mask (เช่นเปลี่ยนสี, ลวดลาย)
– Weapon จะแยกเป็น 4 ชนิด ประกอบด้วย Primary (ปืนหลัก) Secondary (ปืนรอง) Melee (อาวุธระยะประชิด) และ Throw able (ของสำหรับขว้างปาเช่นระเบิด) ในส่วนของปืนหลักและปืนรองจะสามารถปรับแต่งเพิ่มเติมได้ด้วย สำหรับอุปกรณ์ปรับแต่ง (modification) ก็จะหาได้จากการเล่นจบในแต่ละภารกิจเป็นหลัก
– Equip & Skill จะแบ่งเป็น Deplorable (อุปกรณ์ที่ติดตั้งเพื่อช่วยในการเล่น เช่นกระเป๋าพยาบาล) Armor (ชุดเกราะชนิดต่างๆ) Skill (ปรับแต่ง Skill ของผู้เล่น) และ Perk Deck (สำหรับการ์ดเสริมสายการเล่น)
ในส่วนของ Mask และ Weapon ผู้เล่นจะทำการเลือกติดตั้งหน้ากากหรือซื้ออาวุธมาเก็บไว้ในตัวก่อน และเลือกจากในหน้าอาวุธอีกครั้งหนึ่ง อาวุธที่ซื้อมาแล้วสามารถซื้อซ้ำอีกได้ (เนื่องจากปืนกระบอกนึงหากปรับแต่งใช้งานต่างกันก็แทบจะใช้งานคนละประเภทกันก็ว่าได้)
สำหรับ Skill นั้นจะแบ่งเป็นทั้งหมด 5 สาย และผู้เล่นสามารถเลือก up หรือลบออกได้อย่างอิสระ ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรใดๆ เพียงแต่ว่าแต้ม skill นั้นจะมีจำกัดสูงสุดขึ้นกับ level ของผู้เล่นอยู่ ทำให้ผู้เล่นไม่อาจจะ up skill ทั้งหมดเท่าที่มีได้ และยิ่ง skill อยู่ในขั้นที่สูงขึ้นเท่าไหร่ ก็จะใช้แต้มเยอะขึ้นเท่านั้นทั้งในขั้นพื้นฐาน (Basic) และระดับสูง (Aced)
แน่นอนว่า Skill เยอะขนาดนี้ถ้าบรรยายตรงนี้รับรองยาวเป็นหางว่าวจ๊ะ หมาจะขอแยกบทความเกี่ยวกับ Skill ไว้ต่างหากอีกทีแบบอธิบายถึงพริกถึงขิงเลยว่าทำอะไรได้ รอก่อนน้า~
ด้าน Perk Deck นั้นอาจจะอธิบายยากนิดหนึ่ง แต่สรุปสั้นๆได้ว่าเป็นเหมือนสายการเล่นเสริมของผู้เล่นก็ว่าได้ ผู้เล่นจะเลือกได้แค่สายใดสายหนึ่ง ไม่สามารถเอาสายนั้นมาผสมสายนี้แบบ Skill ได้ ทำให้แต่ละ Deck มีเอกลักษณ์ของตัวเองเป็นอย่างมากในการใช้งาน แม้จะจัด skill เหมือนกัน แต่ใช้ Perk Deck ต่างกันก็มีแนวการเล่นที่ต่างกันพอสมควรเลยทีเดียว
ตัว Perk Deck จะใช้แต้มที่แปลงมาจากค่า EXP ในการเล่นแต่ละรอบ กว่าผู้เล่นจะ up deck เต็มได้ต้องใช้แต้มจำนวนมากอยู่ จึงควรเลือก deck ที่ต้องการซักอันหนึ่งและเน้นอันนั้นจนกว่าจะครบทุกขั้นและค่อยเปลี่ยนไป up อันอื่นจะดีกว่า
(Perk Deck สำหรับผู้เริ่มต้นที่น่าสนใจก็จะมี Crew Chief – สายสนับสนุนจิปาถะ, Muscle – สายเน้นเลือดหนา ฟื้นฟูได้, Armorer – สายเกราะถึก, Rogue – สายเสี่ยงดวงในการหลบ เป็นต้น)
=== Detection Risk ===
นอกจากพลังโจมตี เกราะหรือพลังชีวิตแล้ว ใน Payday 2 จะมีค่าหนึ่งที่ควรระวัง นั่นคือค่า Detection Risk (ความเสี่ยงที่จะถูกตรวจจับ) แสดงเป็นรูปเกือกม้าสีฟ้าและแดง ขึ้นกับว่ามากหรือน้อยเท่าใด สำหรับค่านี้จะไม่มีผลในการเล่นแบบ Loud เลย แต่เป็นตัวแปรที่อันตรายมากในการเล่นแบบ Stealth ถ้าให้อธิบายสั้นๆคือ “ความเด่น” ของตัวละคร ประมาณว่าเห็นปุ๊บรู้ปั๊บ กรี๊ด อีนี่โจรเจ้าค่าเอ้ย ตำรวจช่วยด้วยยยย ประมาณนั้นจ่ะ
ค่า Detection Risk จะมีตั้งแต่ 3 จนถึง 75 โดยคำนวนจากค่า Concealment (ความเนียนในการพกพาของขลัง) ของทั้งปืนหลัก ปืนรอง อาวุธประชิดและชุดเกราะ ยิ่งค่า Concealment รวมสูงเท่าไหร่ ค่า Detection Risk ก็จะต่ำเท่านั้น หากต้องการเล่นแบบ Stealth นั้น ผู้เล่นควรที่จะพยายามทำให้ค่านี้ต่ำกว่า 20 ให้ได้ เรียกว่ายิ่งต่ำก็ยิ่งโดนจับได้ยากขึ้น
แต่ทั้งนี้ ค่า Concealment มักจะทะเลาะกับผู้เล่นเสมอ อันเนื่องจากไม่ว่าจะแต่งปืนให้มีค่าบวกยังไง ค่า Concealment ก็จะลดลงตามกันไป จะเพิ่มค่า Concealment ทีค่าอื่นดีๆอย่างความแม่นก็วิบัติซะงั้น ส่งผลให้อุปกรณ์สำหรับ Stealth นั้นไม่ค่อยจะเหมาะในการเอาไปยิงบู๊เท่าไหร่ อีกทั้งปืนหรืออาวุธที่มีค่า Concealment สูงก็มักจะมีพลังโจมตีหรือความแม่นยำต่ำ เรียกว่าแยกปืนแยกงานกันเลย ทำให้ส่วนมากเวลาสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นมา ไม่ค่อยจะมีคนอยากลุยต่อ กด restart หรือกดออกกันเรื่อยไปนัก จัดเป็นข้อเสียอีกอย่างหนึ่ง (ลุยได้ แต่เหนื่อยกว่าปกติมาก)
อนึ่ง การ Stealth จำเป็นต้องใช้ปืนที่ติดตั้งที่เก็บเสียง(Suppressor, Silencer)ก่อนนะ ไม่งั้นให้ค่า Detection Risk ต่ำแค่ไหน ยิงไปก็รู้กันทั้งเมือง หุยฮา
=== Safe House ===
เป็นระบบเสริมของ Payday 2 ในการฉลองครบรอบ 3 ปี ที่เพิ่มแหล่งกบดานของผู้เล่นเพิ่มขึ้นมาในลักษณะของฉากที่เราเข้าไปเดินเล่นและใช้เหรียญตราที่ได้จากการเล่นในภารกิจปล้น, ทำงานประจำวัน หรือเคลียร์เงื่อนไถถ้วยรางวัลในแหล่งกบดานมา upgrade ห้องของเหล่าโจรแต่ละคนให้หรูหราไฮโซได้ เปรียบได้กับ Hall of Fame ในเกมอื่นๆ
ผู้เล่นสามารถเชิญเพื่อนคนอื่นๆเข้ามาดูแหล่งกบดานของเราได้ รวมถึงห้องของโจรบางคนจะสามารถตกแต่งด้วยปืนหรือหน้ากากที่เรามีได้อีกด้วย หนำซ้ำ ทุกๆ 3-4 วัน ตำมะหรวจจะยกพวกตีแหล่งกบดานเราเล่นให้เดือดร้อนต้องมาป้องกันปั่นค่า EXP กันซะงั้น ก็จัดเป็นความเฮฮาอย่างหนึ่งกันไป
สำหรับเหรียญตราที่ได้มานั้น นอกจากจะใช้ upgrade ห้องของเหล่าโจรแล้ว ยังสามารถนำมาใช้แลกซื้อของแต่งอาวุธส่วนมากได้ในราคาชิ้นละ 6 เหรียญด้วยนะเอ้อ เผื่อใครไม่สนการตกแต่งก็ทุ่มลงแต่งปืนไปร๊อคกันอย่างเดียวได้
=== Side Job ===
ในส่วนของภารกิจเสริมนั้น จะมีลักษณะของการนำ Achievement ของเกมมาทำเป็นภารกิจเสริมไปกับการเล่นของผู้เล่น ตัวผู้เล่นจะทำหรือไม่ก็ได้ หากทำสำเร็จก็จะสามารถมากดรับรางวัลเป็นเงินสด (instant cash) และของแต่งอาวุธ (modification) แบบสุ่มได้ แน่นอนว่าข้อดีของการรับรางวัลแบบนี้คือตัวของแต่งอาวุธนั้นเราจะสามารถเลือกหมวดในการสุ่มได้ ทำให้มีโอกาสได้ของที่ต้องการง่ายขึ้นไปพอสมควร
*ในปัจจุบัน Side Job ได้ย้ายมารวมไว้ในส่วนของ Safe house menu ทำให้หากโดนตีบ้านอยู่จะทำให้กดดูจาก Crime.net ไม่ได้ ให้ทำการสร้างห้องภารกิจอะไรก็ได้ก่อน และค่อยกดดูผ่านคำสั่ง Upgrade safe house อีกทีจ๊ะ*
สำหรับภารกิจเสริมจะแบ่งเป็น
– ความท้าทายของเหล่าโจร ตรงนี้จะได้รับเป็นเหรียญตรา 6 เหรียญเสมอ
– รายวัน มักจะเป็นงานง่ายๆไม่ยากมาก มีรางวัลเป็นเงินสดและของแต่งอาวุธ
– รายอาทิตย์ เป็นงานที่ยุ่งยาก ใช้เวลาพอตัวมีท้าทาย มีรางวัลเป็นเงินสดและหน้ากากระดับ Infamus
– รายเดือน มักเป็นงานที่ไม่ยุ่งยากเท่ารายอาทิตย์ แต่ก็ยังยากกว่ารายวันอยู่ มีรางวัลเป็นของแต่งอาวุธชนิด Booster
=== Offshore Payday ===
โจรกับการพนันเป็นของคู่กัน ผู้เล่นสามารถเข้าไปพนันได้ในทางด้านล่างซ้ายของ Crime.net ทั้งสองแบบ สำหรับตรงนี้จะเป็นจุดที่ผู้เล่นสามารถนำเงินสำรอง (Offshore account) มาพนันกับการ์ด 3 ใบเหมือนตอนจบในแต่ละภารกิจได้ เหมาะสำหรับคนที่ Infamous เกิน 5 แล้วเงินเหลือหลักพันล้านมาเผาเล่นว่างั้น
*หมาไม่แนะนำสำหรับคนที่พึ่งเล่น เพราะเงินสำรองต้องใช้เยอะมากในช่วงแรก*
จุดที่ต่างจากการสุ่มการ์ดตอนจบจะเป็นการที่ผู้เล่นสามารถจ่ายเงินเพื่อบังคับให้มีการ์ดชนิดที่ต้องการได้ ยิ่งทุ่มเท่าไหร่ก็ยิ่งล๊อคการ์ดได้เท่านั้น ทำให้สามารถจั่วของชนิดที่ต้องการได้ง่ายขึ้นมาก ไม่ต้องเสียเวลาไปตะลุยปล้นภารกิจง่ายๆซ้ำๆซากๆ
=== Heat System ===
จะด้วยความที่อยากกระตุ้นให้ผู้เล่นเล่นภารกิจหลายๆแบบก็อาจจะเป็นได้ Overkill ได้ทำระบบ heat system ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนจุดนี้ เจ้าตัวระบบนี้คือการที่หากผู้เล่นเล่นภารกิจไหนจนจบ เกมจะทำการสุ่มเพิ่มค่า heat ให้กับภารกิจอื่นๆ 3 ภารกิจ และลดค่า heat ของภารกิจที่พึ่งเล่นจบไปลง 5% ผลของมันคือ ภารกิจที่มีค่า heat เกินที่กำหนดจะมีเครื่องหมาย + เพิ่มขึ้นมา เมื่อเล่นจบจะได้ค่า EXP และเงินรางวัลมากกว่าปกติ (สูงสุดที่ 25%) ส่วนหากภารกิจไหนมีค่า heat ต่ำกว่ากำหนด จะมีเครื่องหมาย – แถมมาแทนและให้ผลกลับกันโดยสามารถลดจนเหลือต่ำสุดที่ 50% ได้
ดังนั้นหากไม่จำเป็นก็ควรจะเลือกเล่นภารกิจสลับกันหลายๆฉากเพื่อป้องกันไม่ให้ค่า heat ต่ำจนเกินไปในภารกิจที่มีค่าตอบแทนสูง เรียกว่าเอามากันคนปั้มจนเบื่อไว
=== Infamy ===
ประหนึ่งว่ามีชื่อเสียงร่ำลือ ระบบ Infamy ใน Payday 2 จะเป็นเหมือนกับยศเพิ่มเติมของผู้เล่น ผู้เล่นจะสามารถกดรับ Infamy ได้ต่อเมื่อมีระดับ Reputation (หรือเรียกง่ายๆว่า level) ในเกมครบถึง 100 แล้วเท่านั้น จากนั้นก็กด Become Infamous เพื่อรับแต้มนี้ได้
ผลที่เกิดขึ้นคือผู้เล่นจะได้รับแต้ม Infamy point เพื่อนำไป update ปลดล๊อคการประหยัดแต้ม skill เล็กน้อยหรือหน้ากากชนิดพิเศษได้ หลังจากที่ขึ้น Infamy แล้ว เกมก็จะปรับระดับผู้เล่นกลับมาเป็น *-0 ใหม่ โดย * เป็นระดับ Infamy ของผู้เล่นตั้งแต่ 0-25 เช่น 5-0 6-87 อะไรทำนองนี้ รวมถึงการที่ตัวละครของผู้เล่นจะเปลี่ยนจากการถือปืนเป็นถือการ์ดที่ระบุระดับ Infamy ของผู้เล่นอย่างเท่แทน (ยกเว้นถ้าผู้เล่นใช้ปืนที่มี Skin อยู่จะกลับมาถือปืนชนิดนั้นๆแทน)
เจ้าระดับ Infamy นี้ในตอนแรกมีเพียง 5 แต้ม แต่ปัจจุบันขยายเพิ่มเป็น 25 แต้มแล้ว (นั่นหมายถึงผู้เล่นต้องเก็บ level 26 ครั้งเพื่อให้ได้ระดับสูงสุดในเกม …. ซึ่งนานไม่ใช่เล่นหรอก)
นอกจากนี้แล้ว เจ้าระดับ Infamy ที่เดิมทีมีแค่ 5 ระดับถูกออกแบบมาเพื่อทำให้ผู้เล่นได้เปรียบมากขึ้นในการเล่น การขึ้น Infamy 5 ครั้งแรกจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขดังนี้
– เงินสด (Instant Cash) ทั้งหมดจะถูกเผาเพื่อความเก๋า
– เงินสำรอง (Offshore Account) ทั้งหมด 200 ล้านดอลล์จะถูกนำไปใช้ยกระดับ
ดังนั้นหากผู้เล่นต้องการขึ้นระดับ Infamy ก็อย่าลืมเก็บสะสมเงินสำรองให้เพียงพอก่อนล่ะจ้า ส่วนเงินสดนั้นให้เอาไปซื้อปืน, ปลดช่องอาวุธต่างๆให้หมดก่อน จะได้ไม่ถูกเผาไปฟรีๆ ซึ่งไอ้เจ้าระบบบังคับเงินนี้จะใช้ใน 0 ถึง 5 เท่านั้น มากกว่านั้นจะไม่ต้องใช้เงินแล้วแต่อย่างใด (แต่ยังต้องเก็บจาก 0 ใหม่อยู่ดีนะจ๊ะ)
การเรียนรู้การเล่น Payday 2 ในช่วงแรกๆนั้น หมาก็ขอแนะนำให้ลองทำความเข้าใจกับส่วนของ The Basic ทั้งสองรูปแบบก่อน จากนั้นลองเริ่มจากงานที่ Loud ได้ (ได้เกือบหมดจ๊ะ ยกเว้น Shadow Raid, Murky Station, Car Shop ที่บังคับให้ Stealth เท่านั้น) ในระดับความยาก Normal จนถึง Very Hard เสียก่อนตามแต่ความชำนาญด้านเกม FPS ของแต่ละคน เมื่อเริ่มชินแล้วค่อยเล่นแบบ Overkill เป็นอันดับต่อไป
ส่วนในระดับ Mayhem, Death Wish นั้นยากกว่า Overkill ค่อนข้างมาก ทั้งเลือดตำรวจและพลังโจมตี รวมถึงระบบการเล่นที่เปลี่ยนไปพอสมควร ควรลองหลังจากชินกับ Payday 2 แล้วจะดีกว่า ไม่แนะนำแม้ว่าจะเป็นผู้ที่ชำนาญกับเกมแนว FPS แล้วก็ตามถ้ายังไม่เคยเล่นมาก่อน เนื่องจากแต่ละเกมก็จะมีรูปแบบการเล่นที่แตกต่างกันไป ใน Payday 2 ก็เช่นกันน่อ
สำหรับ One Down นั้นเรียกว่าเป็นระดับ Perfect ก็ไม่ผิดนัก แทบจะไม่ยอมให้ผู้เล่นพลาดเลย ถ้ายังเล่น Death Wish แบบชิวๆไม่ได้ ไม่แนะนำอย่างแรงจ๊ะ ตำรวจแทบจะเอา sniper มายิงกันแล้วในระดับนี้ โดนยิงแค่สอง-สามนัดก็ลงไปนอนชักแหงกๆเนี่ย
สำหรับครั้งต่อไปหมาก็จะมาอธิบายถึงรูปแบบ Loud / Stealth ให้ละเอียดยิ่งขึ้นเป็น The Advance แทน Bain น่อ ‘ w ‘/