วันศุกร์, มกราคม 10, 2025
หน้าแรกPC Guide แนะนำเกี่ยวกับการใช้ธนู (Bow) และชุดพื้นฐาน

[Monster Hunter World] แนะนำเกี่ยวกับการใช้ธนู (Bow) และชุดพื้นฐาน

ใน Monster Hunter World นั้นก็มีอาวุธอยู่มากมายกว่า 14 ชนิดให้เพื่อนๆ ได้เลือกใช้ ตัวอาวุธแต่ละชนิดนั้นก็จะมีจุดอ่อนจุดแข็งแตกต่างกันไป ทำให้เพื่อนๆ ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการเล่นให้เข้ากับตัวเองได้มากที่สุด และในครั้งนี้ หมาก็จะมาแนะนำถึงอาวุธส่วนตัวที่ชอบใช้มากที่สุด ….. ไม่ซิ อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นอาวุธเดียวที่ใช้เลยจะดีกว่า (ฮา) มันคือเจ้า Bow หรือธนูนั่นเองจ้า

Bow หรือธนูนั้น เป็นหนึ่งใน 3 อาวุธระยะไกลของ Monster Hunter World และเป็นอาวุธที่จัดได้ว่ามีความคล่องตัวสูงมาก สามารถเข้าถึงได้ง่าย มีท่าที่ต้องจำเป็น Combo ไม่เยอะ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นอาวุธที่กิ๊กก๊อกดูบ๊อแบ๊แต่อย่างใด ด้วยความที่เข้าถึงง่ายและท่าไม่เยอะ กลับทำให้มันเป็นอาวุธที่อยู่ในมือคนที่ชำนาญแล้ว จะรีดความเสียหายได้อย่างต่อเนื่องเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ทำความรู้จักกับธนูขั้นพื้นฐาน

พื้นฐานของอาวุธธนูนั้นก็จะประกอบไปด้วยระดับการชาร์จ, รูปแบบการยิง และน้ำยา Coating ต่างๆ ซึ่งหากเพื่อนๆ เข้าใจพื้นฐานทั้ง 3 อย่างนี้แล้วก็จะเล่นธนูได้ง่ายขึ้นมากเลยล่ะจ้า

► การชาร์จธนู

การชาร์จของธนูนั้น จะหมายถึงการที่เพื่อนๆ กดยิงธนูค้างแต่ยังไม่ปล่อยปุ่ม ตัวละครจะง้างธนูเอาไว้และเสียค่า Stamina ไปเรื่อยๆ และในแต่ละวินาที คันธนูจะกระพริบแสงสีแดง 1 ครั้ง สูงสุดที่ 2 ครั้ง นั่นคือการชาร์จ โดยเจ้าชาร์จแต่ละขั้นนี้ จะส่งผลให้เราสามารถยิงได้แรงขึ้น และการโจมตีจะมีลูกธนูออกไปจำนวนดอกเยอะขึ้น

ธนูนั้นจะมีการชาร์จทั้งหมด 3 ระดับ โดยชาร์จ 1 หรือไม่ชาร์จนั้นจะเบาที่สุด ตามด้วยชาร์จ 2 (กระพริบ 1 ครั้ง) และชาร์จ 3 (กระพริบ 2 ครั้ง) ซึ่งหากเพื่อนๆ มีสกิล Bow Charge Plus จะสามารถทำการชาร์จขั้น 4 ได้อีกด้วย

อย่างไรก็ดีในภาค World นี้ ธนูได้รับการบัพเป็นอย่างมาก เพื่อนๆ ไม่จำเป็นต้องง้างธนูเอาไว้อีกแล้ว สามารถกดยิงต่อเนื่องได้ โดยที่การยิงครั้งต่อไปในชุดเดียวกันจะมีการชาร์จเป็นขั้นต่อไปให้โดยทันที ทำให้การเล่นธนูนั้นสามารถสร้างความเสียหายได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ต้องกดค้างไว้จนชาร์จเต็มแล้วค่อยยิงเหมือนสมัยอดีตอีกแล้ว นอกจากนี้ การกดเล็งและกลิ้ง จะกลายเป็นการสไลด์ (Charging Sidestep) ที่มีผลทำให้เพิ่มระดับการชาร์จของธนูไปขั้นนึงอีกด้วย

► รูปแบบการยิง

ถ้าว่ากันตรงๆ แล้ว รูปแบบการยิงของธนูนั้นจะมีทั้งหมดแค่ 7 อย่างเท่านั้น (โคตรน้อย!!!) โดยประกอบไปด้วย

  • Normal Shot หรือการยิงธรรมดา จะยิงลูกธนูไปด้านหน้า เกาะกลุ่มกัน มีระยะโจมตีไกลสุด เหมาะกับการเน้นจุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ และใช้ค่า Stamina น้อยมาก
  • Special Shot หรือ Spread Shot เป็นการกดปุ่ม Special Shot เพื่อยิงลูกธนูออกไปเป็นหน้ากระดาน แบ่งเป็น Quick Shot (ชาร์จ 1) ยิงออกไป 3 นัด และ Power Shot (ชาร์จ 2 ขึ้นไป) จะยิงออกไป 5 นัด ซึ่งสร้างความเสียหายได้มาก แต่มีระยะโจมตีที่สั้นลงอย่างเห็นได้ชัด
  • Arc Shot หรือท่าโปรยลูกเหล็ก ท่านี้จะใช้ได้ด้วยการกด Special Shot หลังใช้ Power Shot หรือทำการง้างธนูเอาไว้และกด Special Shot ท่านี้จะโปรยลูกเหล็กลงมา ทำความเสียหายเป็นการทุบ สามารถทำให้ KO, Stun ได้หากโดนหัวของมอนสเตอร์นานพอ
  • Dragon Piercer หรือที่หลายๆ คนเรียกอัลติ เป็นท่าที่กดใช้ Coating พร้อมกับ Special Shot ตัวละครจะทำการย่อเข่าชาร์จยิงเป็นเวลาเกือบๆ 4 วินาที ก่อนจะยิงธนูที่ทะลุทะลวงเป้าหมายออกไป มีระยะยิงที่ไกลมาก และยิ่งเป้าหมายตัวยาวเท่าไหร่ จะมีจำนวน Hit โจมตีสูงขึ้นตามไป สร้างความเสียหายเป็นการยิง แต่สามารถตัดหางเป้าหมายได้
  • Aerial Shot หรือปีนเสายิง เป็นท่าที่เพื่อนๆ จะใช้ได้ต่อเมื่อทำการ Charging Sidestep ไปยังกำแพงหรือเสาเฉพาะจุดที่ทำให้ใช้ Aerial Attack ได้ ตัวละครจะปีนและสาดลูกธนูลงมาเป็นวงกว้าง ทำความเสียหายแรงมาก แต่จำกัดพื้นที่ตายตัว สามารถเล็งทิศคร่าวๆ ได้ด้วยการกดปุ่มทิศทางระหว่างที่ปีนอยู่
  • Lunging Melee Attack หรือโดดแทง ท่านี้จะกดได้ด้วยการ Charging Sidestep และกดใช้ Coating ตัวละครจะกระโดดไปข้างหน้าและแทงด้วยลูกธนูอย่างรุนแรง สร้างความเสียหายเป็นการตัด
  • Jumping Melee Attack หรือโดดฟัน ท่านี้จะกดใช้ได้เมื่อลอยอยู่กลางอากาศและกดใช้ Coating เป็นการตวัดลูกธนูโจมตี 1 ครั้ง สร้างความเสียหายเป็นการตัด

ซึ่งโดยปกติแล้ว เพื่อนๆ จะได้ใช้ 4 ท่าแรกเป็นหลักเสียมากกว่า โดยรูปแบบการยิงเพื่อสร้างความเสียหายก็จะเป็น Normal-Normal-Normal และปิดท้ายด้วย Power Shot หากเป้าหมายอยู่ในระยะที่สามารถสร้างความเสียหายเต็มจำนวนได้ โดยคอมโบพื้นฐานก็จะประกอบด้วย

  • (ท่าเปิด)-Normal-Normal : สำหรับเป้าหมายที่อยู่ไกล
  • (ท่าเปิด)-Normal-Normal-Power : เป้าหมายอยู่ในระยะที่ยิง Power Shot ทำความเสียหายได้ดี
  • (ท่าเปิด)-Normal-Power : หากต้องการเร่งความเสียหายให้เร็วขึ้น เช่นตอนเป้าหมายล้ม
  • (ท่าเปิด)-Power : รีดความเสียหายสูงสุด แลกกับค่า Stamina ทั้งหมดเท่าที่มี
  • Power-Arc : สำหรับเล่นคนเดียวเป็นหลัก เน้นให้เป้าหมายติด KO โดยเฉพาะ

*ท่าเปิดนั้นหมายถึงการยิงนัดแรกสุดเลือกได้ว่าจะใช้ Normal Shot, Quick Shot หรือ Charging Sidestep ตามด้วยการยิงตามคอมโบปกติ*

► Coating

ธนูแต่ละชนิดนั้นก็จะใช้ Coating หรือน้ำยาเคลือบหัวธนูได้แตกต่างกัน เพื่อนๆ จะสามารถพกพา Coating ไปได้จำกัด และเปิดปิดการใช้งานได้ โดยตัวละครจะทำท่าเคาะน้ำยา เสียเวลาเล็กน้อย ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานะการณ์ต่างๆ ได้

การใช้น้ำยานี้จะมีผลกับการยิงเกือบทุกชนิด ยกเว้น Arc Shot, Melee Attack โดยจะใช้ 1 ขวดต่อการยิง 1 ครั้ง ทำให้ระหว่างที่ใช้น้ำยา การยิงระดับชาร์จสูงๆ หรือ Power Shot จะคุ้มค่ามากกว่า ซึ่งเจ้า Coating นี้จะมีทั้งหมด 6 ชนิด เป็นการเพิ่มพลังโจมตี 2 อย่างและสถานะ 4 อย่างดังนี้

  • Close Range Coating : ลดระยะยิงลงประมาณ 30% แต่เพิ่มพลังโจมตี 20% ธนูทุกชนิดใช้ได้ และมีติดตัวไม่จำกัด
  • Power Coating : เพิ่มพลังโจมตี 30% พกได้ 50 ขวด
  • Paralysis Coating : ยกเลิกผลธาตุของธนู เพิ่มสถานะชาให้กับลูกธนูในการโจมตีแทน พกได้ 20 ขวด
  • Poison Coating : ยกเลิกผลธาตุของธนู เพิ่มสถานะติดพิษให้กับลูกธนูในการโจมตีแทน พกได้ 20 ขวด
  • Sleeping Coating : ยกเลิกผลธาตุของธนู เพิ่มสถานะนอนหลับให้กับลูกธนูในการโจมตีแทน พกได้ 20 ขวด
  • Blast Coating : ยกเลิกผลธาตุของธนู เพิ่มสถานะระเบิด (สร้างความเสียหายตายตัว) ให้กับลูกธนูในการโจมตีแทน พกได้ 20 ขวด

*หากที่ขวดน้ำยาของธนูมีเครื่องหมายบวกอยู่ หมายถึงว่าสถานะนั้นๆ จะมีคุณสมบัติเพิ่มขึ้น ทำให้ติดสถานะได้ง่ายขึ้นกว่าปกติ*


ชุดของสายธนู

ก่อนจะพูดถึงเรื่องชุดนั้น ส่วนตัวหมาก็ขอพูดถึงสกิลที่จำเป็นสำหรับสายธนูก่อน ซึ่งตรงนี้ก็ขอบอกว่าเป็นความคิดส่วนตัวของหมา ดังนั้นหลายคนอาจจะเห็นไม่ตรงกันก็ขออภัยด้วยจ้า โดยสกิลที่จำเป็นของสายธนูจะมีทั้งหมด 3 สกิล

  • Constitution : ลดค่า Stamina จากการกระทำที่ใช้ค่า Stamina คงตัว เช่นการยิง การกลิ้ง มี 5 เลเวล ลดลงเลเวลละ 10% ซึ่งตรงกับการใช้ธนูเป๊ะๆ มาก โดยเราจะใช้สกิลนี้เพียงเลเวล 3 เพื่อใช้ควบคู่กับไอเทม Dash Juice ที่ลดค่าการใช้ Stamina อีก 25% ตันที่ 50% พอดี (เกมจะล๊อคไว้ที่สูงสุด 50% ไม่ต่ำกว่านั้นแล้ว) ซึ่งหากใครไม่ชอบกด Dash Juice จะใช้เกินเลเวล 3 ก็ได้จ้าถ้าช่องสกิลพอ
  • Weakness Exploit : การโจมตีจุดอ่อนจะมีอัตราคริติคอลสูงขึ้น 15/30/50% เป็นสกิลที่ทำให้เรารีดความเสียหายได้สูงมาก เนื่องจากธนูนั้นเป็นอาวุธที่สามารถเล็งจุดอ่อนได้ง่าย และโจมตีได้ต่อเนื่องจากคอมโบ Normal Shot ของเรานั่นเอง เต็ม 3 แน่นอน
  • Critical Element : สกิลนี้เราจะได้จากการใช้ชุด Rathalos สีใดก็ได้รุ่นไหนก็ได้ในระดับ High Rank ครบสองส่วน ทำให้การโจมตีติดคริติคอลของเรา ทำความเสียหายธาตุเพิ่มขึ้นอีก 35%! และธนูเป็นอาวุธที่พลังโจมตีธาตุรุนแรงคุ้มค่าที่สุดในภาคนี้ จึงเหมาะกับสายธนูอย่างเรามากๆ

ดังนั้น ชุดของสายธนูนั้นจะเล่นกับสกิลทั้ง 3 นี้เป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตามนั้น ในช่วง Low Rank เพื่อนๆ จะไม่มีตัวเลือกมากนัก เพราะชุดมีสกิลที่น้อยและเพชรที่จะใช้ก็ยังไม่มี ทำให้ชุดที่จัดได้ตอน Low Rank จะมีแค่สามชิ้นที่ได้มาเรื่อยๆ ระหว่างเล่น ประกอบไปด้วย

  • ส่วนหมวก Kadachi
  • ส่วนลำตัว Tzitzi-Yaku
  • ส่วนแขน Odogaron

เพื่อนๆ จะได้ชุดเกราะที่มีสกิล Constitution ชิ้นละ 1 เลเวล เพียงพอกับการใช้งานขั้นพื้นฐาน (เลเวล 3) และเหลือส่วนเอวกับส่วนขาให้ปรับได้ตามความชอบใจ

 

ในระดับ High Rank ช่วงต้นนั้น เพื่อนๆ จะมีตัวเลือกมากขึ้น โดยส่วนที่จะถูกบังคับใช้แรกๆ ก็จะเป็น Kadachi A ที่มีสกิล Constitution ถึง 2 เลเวล และใช้ Fitness Charm เสริมจนได้ 3 เลเวล เปิดให้ส่วนอื่นๆ เราจัดชุดตามการเล่นได้ง่ายขึ้น และเมื่อเล่นไปเรื่อยๆ เพื่อนๆ จะปลดล๊อควัตถุดิบในการทำ Fitness Charm เลเวล 2 (Odogaron Gem) และเลเวล 3 (Kushala Daora Gem) ได้ และไม่จำเป็นต้องวุ่นวายกับสกิล Constitution ที่ตัวชุดอีกต่อไป

โดยชุดที่เพื่อนๆ จะทำได้ใช้เป็นพื้นฐานทั่วไป หรือชุด Meta นั้น ก็จะมีสองแบบ ที่มีการยืนพื้นฐานที่ Constitution 3, Weakness Exploit 3, Critical Element ทั้งสองชุดนี้จะทำได้ครบชุดหลังจากที่เพื่อนๆ ล่าเจ้า Teostar ได้แล้ว และเพื่อนๆ สามารถใช้ได้ตั้งแต่ก่อนเริ่มต้นตีกับเจ้า Elder Dragon ได้ด้วยการใส่ Fitness Charm II + ส่วนแขนของ Odogaron แทน จะทำให้เราขาดแค่สกิล Weakness Exploit 1 เลเวลเท่านั้น

ซึ่งชุดแรกนั้นก็คือ

  • ส่วนหัว Rathalos B
  • ส่วนตัว Rathalos B
  • ส่วนแขน Kaiser B (Teostar)
  • ส่วนเอว Nergigante B
  • ส่วนขา Lavasioth หรือ Black Diablos
  • Fitness Charm III

ชุดนี้จะมีคุณสมบัติพิเศษคือมีสกิล Attack เลเวล 4 เพิ่มพลังโจมตี +12 และมีค่าคริติคอลให้ 5 หน่วย แต่จะมีช่องใส่เพชรเลเวล 1 น้อยกว่าชุดด้านล่าง 1 ช่อง

  • ส่วนหัว Rath Soul B
  • ส่วนตัว Rathalos B
  • ส่วนแขน Kaiser B (Teostar)
  • ส่วนเอว Odogaron B
  • ส่วนขา Lavasioth หรือ Black Diablos
  • Fitness Charm III

ชุดนี้จะเป็นชุดที่ไม่มีสกิล Attack แต่จะได้สกิล Critical Boost 1 (พลังโจมตีไร้ธาตุแบบคริติคอลแรงขึ้น 5%) กับ Critical Eye 2 (เพิ่มค่าคริติคอล 6 หน่วย) และมีช่องใส่เพชรมากกว่า 1 ช่อง

ส่วนขานั้นจะเป็นการเลือกระหว่างสกิล Normal Shot Up หรือ Spread Shot Up ขึ้นกับเพื่อนๆ ปกติใช้อะไรมากกว่ากัน เน้นยิงระยะไกลหรือเข้าไปคลุกวงใน Power รัวๆ แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลังของเกม เพื่อนๆ จะมีทั้งสองสกิลจึงไม่ต้องกังวลมากนัก

 

การใส่เพชร

ชุด Meta นั้นจะมาพร้อมกับช่องใส่เพชรเลเวลหนึ่ง 2~3 ช่อง, ช่องเลเวลสอง 2 ช่อง และช่องเลเวล 3 หนึ่งช่อง จำกัดเพียงพอที่จะใช้งานพื้นฐานได้ โดยเพชรที่เพื่อนๆ จะต้องหาอย่างยากลำบากมีสองเม็ดนั่นคือ

  • Forceshot Jewel [3] หรือ Spread Jewel [3] ซึ่งได้ผลสกิล Normal หรือ Spread สำหรับการใช้คู่กับเกราะส่วนขาให้ได้ผลทั้งสองสกิลพร้อมกัน (ติดตั้งเพชรที่ส่วนแขน)
  • Mighty Bow Jewel [2] ทำให้เพื่อนได้ผลสกิล Bow Charge Plus ทำให้การคอมโบได้ต่อเนื่องและรุนแรงขึ้นอีกประมาณ 20%

ซึ่งเพื่อนๆ จะมีช่องเหลือปรับแต่งตามความชอบใจได้ โดยหากชอบการโจมตีที่รุนแรงแล้ว ตัวเลือกการใส่เพชรโจมตีธาตุตามชนิดของธนู 3~4 เม็ดจะดึงความเสียหายได้มากที่สุด หากใครชอบเล่น Solo ยิงมอนให้ล้ม เหนื่อยง่าย การใส่เพชรสกิล Stamina Thief จะช่วยตอบโจทย์มากกว่าเป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้เพื่อนๆ ใช้เพชร Attack เนื่องจากทั้งหายากและเพิ่มพลังโจมตีได้ไม่เท่ากับเพชรธาตุที่หาง่ายกว่ามากด้วย

อย่างไรก็ดี ชุด Meta นั้นเป็นชุดพื้นฐานสำหรับการใช้งานตอนแรกเท่านั้น เมื่อเพื่อนๆ เข้าถึงธนูและอยากดึงความสามารถของตัวชุดออกมาให้สุดนั้น จะต้องมีการพลิกแพลงส่วนต่างๆ ให้มีการโจมตีธาตุเพิ่มเติมไปในชุดด้วยโดยไม่เสียสกิลเดิมไป ทำให้การจัดชุดนั้นจะยุ่งยากขึ้นไปอีกตามแต่ละธาตุ ตรงนี้ก็อยู่ที่การ Mix & Match ของเพื่อนๆ แล้วล่ะจ้าว่าจะดึงศักยภาพมาได้ขนาดได้

ก็ขอแนะนำให้เพื่อนๆ ที่จะจัดชุดใหม่นั้น ลองมองดูชุดส่วนที่มีสกิลโจมตีธาตุ และปรับเปลี่ยนเอาจ้า แง้มๆ ว่าถ้าสกิลโจมตีธาตุอยู่ที่ส่วนหัว เราสามารถใช้ส่วนเอวของ Rath Soul B แทนได้นะจ๊ะ Critical Element ไม่หายแถมได้โจมตีธาตุเพิ่มชิวๆ เลย


ธนูธาตุต่างๆ

ในเมื่อธนูนั้นโดดเด่นที่การโจมตีธาตุแล้ว ก็ไม่แปลกที่จะมีธนูยอดฮิตของแต่ละธาตุอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นธนูที่ผู้เล่นแนวหน้าเลือกใช้ในธาตุทั้ง 5 กันจ้า

  • (ไฟ) Anja Arch III : พลังโจมตีและธาตุสูงที่สุดในเกม แม้จะคริติคอลติดลบ แต่ก็แรงเพียงพอที่จะแซงหน้าธนูราทาลอสไปอย่างสบายๆ เลยทีเดียว
  • (น้ำ) Water Shot III / Hunter Proud Bow : สำหรับคนที่ยังจัดชุดที่มี Skill Free Element ไม่ได้ Water Shot จะเป็นตัวเลือกที่โอเคเลยทีเดียว ส่วนถ้าใครที่มีชุดสำหรับปลดธาตุแล้ว Hunter Proud Bow จะแรงแซงหน้าใครๆ เลย
  • (สายฟ้า) Flying Kadachi Strike Bow : ตัวเลือกน้อยจนมีอยู่คันเดียวที่พึ่งพาได้ เย่ะ
  • (น้ำแข็ง) Legia Snowfetcher : สุดยอดธนูธาตุที่พลังธาตุแซงหน้าทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ Raw จะต่ำแต่ยิงไปแล้วมีสะดุ้งทุกราย
  • (มังกร) Dragonbone Bow / Vaal Hazard / Insurgeon Bow : ทั้งสามนั้นให้คุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดย Dragonbone นั้นจะมีพลังธาตุที่สูงอย่างน่ากลัว แต่ใช้ Power Coat ไม่ได้ ในขณะที่ Vaal และ Insurgeon นั้นสามารถใช้ Power Coat ได้ สองคันนี้จะต่างกันที่คันหนึ่งมี Slot และคริติคอลไม่ติดลบ แต่อีกคันหนึ่งก็แรงจนเกินหน้าเกินตากันเลยทีเดียว ซึ่งอยู่ที่ว่าเพื่อนๆ ชอบแบบไหนกัน

การจะเล่นธนูให้ดีนั้น เพื่อนๆ จะต้องศึกษาจุดอ่อนของมอนสเตอร์แต่ละตัว พร้อมกับใช้ธนูที่ชนะธาตุสูงสุดเสมอ เพราะแม้ว่าธนูแต่ละดอกของเราจะเบา แต่เมื่อรวมกับจำนวนนัดที่ยิงไปแต่ละครั้งและความต่อเนื่องของการโจมตีจากระยะไกลแล้ว จะทำให้เรารีดความเสียหายได้ไม่น้อยหน้าอาวุธชนิดอื่นๆ อย่างแน่นอนจ้า


แถมท้าย ธนูสาย Dragon Piercer

ธนูสาย Dragon Piercer หรือ DP นั้น เป็นสายที่เน้นการนั่งยิงสวยๆ ใส่มังกรตัวใหญ่ๆ อย่างเช่น Uragaan, Deviljho, Bazelgeuse หรือ Xeno’jiiva เป็นหลัก แต่ไม่เหมาะกับการยิงตัวอื่นๆ เท่าไหร่นัก และถ้าเทียบกันจริงๆ ก็ไม่แรงเท่ากับสายปกติที่ยิงอย่างต่อเนื่องในเวลาที่เท่ากัน

อย่างไรก็ตามนั้น สายนี้ก็ได้ความฟินจากเสียงทะลวงที่ดังต่อเนื่องสุดเส้นทางอยู่ และก็คุ้มค่าพอจะทำมาเพื่อยิงเจ้าสี่ตัวที่ว่าอยู่ ซึ่งหากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากลองเล่น ก็สามารถจัดชุดพื้นฐานแบบคนไม่มีเพชรมากมายได้ดังนี้จ้า

  • อาวุธ Cera Coilbender : ธนูไร้ธาตุที่แรงที่สุดในเวลานี้
  • ส่วนหัว ฟรีสไตล์ : หลายคนเลือกใช้ Dragonking Eyepatch จากสกิล Weakness Exploit มากลบนิดหน่อย
  • ส่วนตัว Kaiser B (Teostar) : Special Ammo Boost 2
  • ส่วนแขน Bazelgeuse B : Critical Draw 2
  • ส่วนเอว Rath Soul A : ชุดเกราะส่วนเดียวในเกมตอนนี้ที่มีสกิล Pierce Up
  • ส่วนขา Bazelgeuse A : Critical Draw 1
  • Attack Charm III : เพิ่มพลังโจมตีให้สูงขึ้น

จะทำให้ได้สกิลจำเป็นครบ ประกอบไปด้วย Critical Draw ทำให้การโจมตีครั้งแรกสุดหลังจากชักธนู มีโอกาสคริติคอลเพิ่มขึ้น 100%, Special Ammo Boost 2 ที่เพิ่มพลังโจมตี DP ให้เลเวลละ 10% ปิดท้ายด้วย Pierce Up ที่เพิ่มให้อีก 10% จ้า และถ้าอยากให้ดึงประสิทธิภาพให้ได้สูงกว่านี้ ก็ควรจะมีเพชรสกิล Non-Elemental Jewel ที่ทำให้ธนูไร้ธาตุของเราแรงขึ้นอีก 10% ได้อีก จะแรงกันไปไหน!

ซึ่งถ้าใครมีเพชรของทั้งสามสกิลดังกล่าวนั้น ก็จะทำให้เราสามารถจัดชุดได้อิสระมากขึ้นเยอะเลย และมีสกิลที่เพิ่มความรุนแรงหรือเน้นความปลอดภัยได้ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งด้วยส่วนหัวที่ใส่อย่างอิสระได้ ทำให้หากใครอยากได้สกิลเฉพาะทาง ก็จะสามารถผสมกับ Charm ได้ด้วย เช่นการใส่ส่วนหัวของ Bazelgeuse คู่กับ Earplug Charm III ก็จะทำให้เราได้ชุดที่มีคุณสมบัติสกิลกันเสียงสมบูรณ์ไปด้วยในตัวนั่นเอง

สุดท้ายนี้ ถ้าบทความนี้ ช่วยให้เพื่อนๆ เล่นธนูได้ง่ายขึ้นหรือถนัดขึ้น ก็จะยินดีเป็นอย่างยิ่งจ้า บอกได้เลยว่าแม้ธนูของเราจะไม่ได้มี Combo มากมายให้ใช้ แต่ถ้าเล่นถนัดนั้น ก็จะสามารถใช้ Solo ยันจบเกมหรือเอาไปยิงแข่งกับอาวุธอื่นๆ ได้โดยไม่น้อยหน้าใครเลยล่ะ! ดั่งใน Clip ซีรี่ย์ด้านบนนี้ ที่หมาใช้เพียงแค่ธนูอย่างเดียวตามเนื้อเรื่องเท่าที่มีให้ พร้อมกับแมวตัวนึง ก็สามารถลุยจนจบได้ ขอเพียงเข้าใจถึงตัวอาวุธและศึกษามอนสเตอร์มาจ้า~


RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

Most Popular

Recent Comments