แม้ว่า Stardew Valley จะมีแรงบรรดาลใจมาจาก Harvest Moon แต่ก็ได้เพิ่มระบบต่างๆ ที่ไม่มีลงไปด้วย ในที่นี้หมาก็จะมาแนะนำถึงวิธีการต่อสู้และเอาตัวรอดในเหมือง ที่นอกจากเราจะต้องคอยขุดหาแร่จากก้อนหินต่างๆแล้ว ยังต้องมานั่งพะวงกับสัตว์ประหลาดที่จะส่งเราลงไปนอนกองให้คุณหมอเดือดร้อนได้อีก
ถล่มเหมือง 101
การต่อสู้ในเกมนี้ออกแนวที่เข้าใจง่าย หันหน้าหรือเล็งไปทางไหนเกมก็จะโจมตีด้วยอาวุธที่เลือกไว้อยู่เหมือนกับการใช้อุปกรณ์ทำไร่ทำสวนต่างๆ เรียกว่าปลูกผักพรวนดินมายังไง ตีมอนก็เปลี่ยนเป็นอาวุธแล้วโชะกันอย่างนั้นเลยทีเดียว
ตัวอาวุธเองก็ยังมีให้เลือกใช้หลักๆถึง 4 ชนิดด้วย แบ่งเป็น
- ดาบ (Sword) – โจมตีด้วยการฟันกวาดเป็นวงกว้างด้านหน้า เมื่อคลิ๊กขวาจะทำการยกขึ้นมาป้องกันได้ชั่วขณะ
- กระบอง/ค้อน (Mace) – โจมตีด้วยการฟาดเป็นวงกว้าง ช้ากว่าดาบแต่รุนแรงกว่า เมื่อคลิ๊กขวาจะทำการทุบโจมตีอย่างรุนแรง
- มีด (Dagger) – โจมตีด้วยการแทงอย่างรวดเร็วมาก รัศมีแคบสุดๆ เมื่อคลิ๊กขวาจะทำการโจมตีเป็นชุดอย่างรวดเร็ว
- หนังสติ๊ก (Slingshot) – อาวุธระยะไกล เมื่อทำการใช้ต้องบรรจุลูกกระสุนเช่นก้อนหิน เสียก่อน โจมตีด้วยใช้เคอร์เซอร์เม้าท์ลากไปด้านตรงข้ามกับทิศที่จะยิง อ๊ะแหม่จะสมจริงไปไหน
ผู้เล่นจะได้รับดาบผุๆมาจาก Marlon เจ้าของสมาคมนักผจญภัยในครั้งแรกที่เดินเข้าไปในเหมืองไว้หัดป้องกันตัวจ๊ะ อาวุธอื่นๆที่ดีกว่านั้นจะสามารถหาซื้อได้เมื่อผู้เล่นลงไปถึงชั้นที่กำหนดในเหมือง, ได้จากหีบสมบัติ หรืออาจจะได้จากศัตรูและลังไม้ตามทางก็ได้
เราจะต่อสู้กับศัตรูต่างๆได้ในเหมืองเป็นหลัก ซึ่งก็มีอยู่สองแห่งนั่นคือเหมืองแร่กับเหมืองกระโหลก (เหมืองทะเลทราย)
สำหรับเหมืองแร่นั้นจะอยู่บริเวณด้านบนขวาของเมือง ในตอนแรกจะมีดินถล่มกั้นทางอยู่ไม่สามารถเข้าได้ จนเมื่อเวลาในเกมผ่านไปถึงวันที่ 5 จะมีจดหมายส่งมาบอกว่า ทีมงานของ Joja ทำการซ่อมแซมให้เข้าได้แล้ว ก็เป็นอันว่าเราสามารถเข้าเหมืองแร่ได้แล้ว ซึ่งจะเป็นเหมืองหลักที่เราหากินในตอนแรกกันเต็มที่
ส่วนเหมืองกระโหลกนั้น ผู้เล่นจำเป็นจะต้องทำการซ่อมรสประจำทางเสียก่อน โดยอ้างอิงจาก Vault Bundle ของ Community Center (รวม 50000g) หรือถ้าใครมาทางสายสมาชิก Joja ก็จะเลือกซ่อมตรงๆได้เลยในราคารวดเดียว 45000g) จากนั้นในวันรุ่งขึ้นก็จะสามารถซื้อตั๋วให้ป้า Pam ขับไปส่งที่ทะเลทรายได้ ตัวเหมืองจะอยู่บริเวณด้านบนซ้ายติดกับบ่อน้ำ แต่การจะผ่านประตูเข้าไปได้นั้นจำเป็นจะต้องมีกุญแจหัวกระโหลกที่ได้จากการไปถึงชั้นที่ 120 ของเหมืองแร่เสียก่อนด้วย แอบลัดขั้นตอนไม่ได้นะจ๊ะ
เริ่มต้นขุดเหมือง
เมื่อเตรียม pickaxe (ที่ขุดหิน)และอาวุธพร้อมแล้ว ก็ได้เวลาลงเหมือง ในเหมืองแร่นั้นจะมีทางลงสองทาง นั่นคือบันไดที่ลงได้ทีละชั้นกับลิฟท์ที่จะลงได้ทีละ 5 ชั้นตามที่เคยไปถึง แต่ทว่า เมื่อเราเข้ามาในเหมืองครั้งแรกจะยังใช้งานไม่ได้ จนกว่าเราจะลงไปถึงทุกๆ 5 ชั้นก่อน ลิฟท์ประจำชั้นนั้นๆถึงจะเปิดใช้งานให้เราขึ้น-ลงได้สะดวกๆ
ข้อควรระวัง! : เมื่อผู้เล่นตัดสินใจจะปีนบันได้ย้อนกลับขึ้นไปด้านบนเมื่อไหร่ ชั้นที่เคยผ่านมาแล้วจะทำการสุ่มใหม่ทันทีและผู้เล่นจะต้องเริ่มลงมาทีละชั้นเช่นเดิม ลิฟท์จึงเป็นจุดสำคัญในการพิชิตเหมืองแร่แห่งนี้มาก
การขุดเหมืองนั้นจะต่างกับสมัย Harvest Moon ที่เราขุดดินไปเรื่อยๆ สำหรับ Stardew Valley นั้นเราจะทำการขุดก้อนหินตามทางแทน โดยเมื่อเราทำการเจาะหินแต่ละก้อนนั้น จะมีโอกาสที่จะไม่ได้อะไรเลย ได้หิน หรือได้เศษแร่ต่างๆรวมถึงแร่ดิบ (Geode) รวมถึงการเจอบันไดลงไปชั้นต่อไป นอกจากนี้ผู้เล่นอาจจะเจอสินแร่ต่างๆทั้งอัญมณี ทองแดง เหล็ก ทองคำ ปะปนอยู่ในกองหินหรือเกาะกลุ่มกันเป็นสายแร่ให้ผู้เล่นได้แสวงโชคกันได้อย่างเต็มที่ เรียกว่าเจอทีนึงก็ยิ้มร่ากันได้เลย
การจะเดินทางลึกลงไปในเหมืองนั้น จึงเป็นการบังคับกลายๆให้ผู้เล่นทำการขุดเจาะก้อนหินต่างๆจนกว่าจะเจอบันไดลงชั้นต่อไป แต่ ผู้เล่นอาจจะโชคดีเจอบันไดที่ให้เห็นได้โดยไม่ต้องเสียเวลาขุดหิน หรือแม้แต่การกำจัดศัตรู ก็จะมีโอกาสที่จะเจอบันไดไปชั้นต่อไปได้เช่นกัน~
ข้อควรระวัง! เมื่อผู้เล่นโดนโจมตีจนพลังชีวิตหมดในเหมือง จะทำให้โดนติดโทษ ของในตัวบางส่วนจะหายไปและจำนวนชั้นในเหมืองที่เคยลงไปได้สูงสุดจะลดลงแบบสุ่ม (5~11 ชั้นแล้วแต่บุญแต่กรรม) ซึ่งหากเคยมีลิฟท์ไปถึงชั้นเหล่านั้นแล้ว ลิฟท์จะใช้งานไม่ได้จนกว่าจะย้อนลงไปใหม่!!! (การที่สลบเพราะถึงเวลาตีสองก่อนจะไม่นับการติดโทษจ๊ะ)
ความแตกต่างของเหมืองแต่ละช่วง
ผู้พัฒนาเกมกลัวผู้เล่นจะเบื่อก็ได้ใส่ลูกเล่นเพิ่มเติม ด้วยการแบ่งระดับชั้นของเหมืองให้มีหลายรูปแบบเป็นจุดสังเกตุไปอีกด้วย นอกจากจะทำให้เกิดความแปลกใหม่แล้วยังทำให้ศัตรูที่เรามีโอกาสได้เจอในชั้นนั้นๆ แตกต่างไปรวมถึงสินแร่หลักๆของชั้นนั้นเปลี่ยนไป ซึ่งหมาจะขอแยกเป็นกลุ่มๆดังนี้
กลุ่มชั้นที่ 1-40 – เหมืองดิน (แร่หลักคือทองแดง)
ชั้นที่ 1-9 : เหมืองแร่ดิน ง่ายและเดินเล่นได้สะดวก
ชั้นที่ 10-29 : สวนใต้ดิน จะมีวัชพืชและรากไม้แทรกเต็มไปหมดในแต่ละจุด ชั้นนี้จะมีแมลงรบกวนค่อนข้างมาก
ชั้นที่ 30-39 : เหมืองหินมืด เป็นระยะชั้นของเหมืองระดับเดียวที่มีความมืดมาก ผู้เล่นใหม่จำเป็นจะต้องสร้างคบเพลิงมาช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆในเหมือง ผู้เล่นที่โชคดีอาจจะหาแหวน Grow Ring มาใส่เพื่อลดความลำบากในการวางคบไฟได้
*ในชั้นที่ 20 จะเป็นบ่อตกปลาใต้ดิน ปลาประจำชั้นนี้คือ Stonefish ที่พบเจอได้ค่อนข้างง่าย และมีราคาสูงถึง 300g หน้ำซ้ำยังจับได้ง่ายอีก เป็นจุดหาเงินที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว*
กลุ่มชั้นที่ 1-40 – เหมืองหิมะ (แร่หลักคือเหล็ก มีผลึกแก้วให้ทุบเล่น)
ชั้นที่ 41-69 : เหมืองหิมะ สีขาวสบายตา ในระดับเหมืองนี้ผู้เล่นจะเจอศัตรูที่เป็นฝุ่นสีดำกระโดดไปมา เป็นศัตรูที่สู้ง่ายและใช้เป็นแหล่งหาถ่านได้เป็นอย่างดี
ชั้นที่ 70-79 : ปราสาทหิมะ ลักษณะของตัวเหมืองจะเปลี่ยนไปเหมือนเดินภายในปราสาท ศัตรูที่เพิ่มมาจะเป็นโครงกระดูกที่โจมตีระยะไกลได้เป็นบางครั้งด้วยและถึกพอสมควร
*ในชั้นที่ 60 จะมีบ่อตกปลน้ำแข็ง ปลาประจำชั้นนี้คือ Ice pip ซึ่งหาตัวได้ยากพอควรและมีราคาถึง 600g แต่ความดื้อของมันเกินร้อย*
กลุ่มชั้นที่ 80-120 – เหมืองลาวา (แร่หลักคือทอง)
ชั้นที่ 81-89 : เหมืองลาวาใต้ดิน ศัตรูในระดับชั้นลาวานี้จะโจมตีรุนแรงและมีพลังชีวิตที่สูงมาก
ชั้นที่ 91-109 : เหมืองสวนลาวา แม้จะน่าแปลกแต่ก็จะมีวัชพืชสีม่วงที่ไม่ต่างอะไรจากสีเขียวขึ้นเกะกะทางเดินอยู่บ้าง
ชั้นที่ 110-119 : เหมืองหินลาวา แม้จะไม่ต่างกับชั้นก่อนๆแต่จะไม่มีวัชพืชมาเกะกะทางเดินแล้ว ผู้เล่นจะพบก้อนหินเยอะกว่ามาก
*ชั้นที่ 100 จะมีบ่อตกปลาลาวา ปลาประจำชั้นนี้คือ Lava Eel ที่หาตัวยากมาก ค่าตัวสูงลิ่วถึง 900g และแน่นอน เหวี่ยงยิ่งกว่าช้างตกมันอีก*
ระหว่างที่เดินเล่นในเหมืองนั้นผู้เล่นอาจจะเจอกระเป๋าหรือรถเข็นในเหมืองบ้างในบางชั้น เมื่อทำการสำรวจจะทำให้เราได้รับถ่านมาเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามกระเป๋าและรถเข็นที่ถูกสำรวจแล้วจะไม่สามารถสำรวจได้อีก เมื่อเราเดินทางมายังชั้นที่เคยเจอแล้วแต่อย่างใด ถ้าแวะมาที่ชั้นเดิมอีกก็ไม่ต้องเสียเวลาวิ่งไปสำรวจแต่อย่างใดจ๊ะ
ในบางครั้งผู้เล่นอาจจะโชคดี(หรือร้าย)เจอชั้นที่กลายเป็นสีเขียวหรือเรียกว่า Overrun โดยในชั้นนี้จะมีแต่ศัตรูและไม่มีก้อนหินให้ขุดแม้แต่ก้อนเดียว ผู้เล่นที่ต้องการผ่านชั้นนี้ไปนั้นจะต้องทำการกำจัดศัตรูทั้งหมดในชั้นนั้นเสียก่อน บันไดไปชั้นต่อไปถึงจะปรากฎออกมา ซึ่งอาจจะปรากฎที่ทางที่เราลงมาหรือตรงจุดที่เรากำจัดศํตรูตัวสุดท้ายก็ได้
นอกจากผู้เล่นจะปลดล๊อคลิฟท์ในทุกๆ 5 ชั้นเพื่อย่นระยะเวลาสำรวจภายหลังแล้ว เมื่อผู้เล่นเดินทางลงไปถึงทุกๆ 10 ชั้นในเหมืองแร่นี้จะได้รับรางวัลเป็นหีบสมบัติประจำชั้นนั้นๆ สำหรับช่วยเหลือการเดินทางลึกลงไปในชั้นต่อๆไปได้อีกด้วย
เทคนิคการพิชิตเหมืองแร่
การจะบุกตะลุยเหมืองในเวลาที่จำกัดจำเขี่ยต่อวันรวดเดียวให้จบนั้นเป็นไปไม่ได้แน่ๆ รวมถึงระดับความยากของศัตรูที่มากขึ้นเรื่อยๆและพลังงานที่ไม่เพียงพอ ทำให้ผู้เล่นต้องแบ่งเวลาและพลังงานให้เหมาะสมในการค่อยๆพิชิตเหมืองแร่ทีละนิดๆ ในที่นี้หมาก็จะขอแนะนำวิธีการง่ายๆโดยอาศัยหลักวันละ 5 ชั้นตั้งแต่บ่าย
นั่นคือพยายามจัดเวลาเคลียร์งานในสวนและงานจิปาถะให้เรียบร้อยเสียก่อนจะถึงเวลาบ่ายแก่ๆ เสร็จก่อนช่วงบ่าย 2 บ่าย 3 จะทำให้เรามีเวลาเพียงพอที่จะตะลุยเหมืองพอสมควร และการตะลุยนั้นจะมีความหมายค่อนข้างตรงตัวคือ เราจะขุดสินแร่เฉพาะที่เราเห็นพอดี แต่จะไม่ไล่ขุดให้หมดเกลี้ยง ทลายหินเจอบันไดปุ๊บให้ลงไปชั้นต่อไปเลย อาศัยการยึดเป้าหมายว่าเราจะต้องไปถึงลิฟท์ตัวต่อไปให้ได้ก่อนจะดึกเกินไป ไปไม่สำเร็จหรือไม่เหลือเวลากลับบ้านจนน๊อคกลางทางนั่นเอง
การเตรียมตัวลงเหมืองก็ไม่มีอะไรมากนัก กระเป๋าระดับ 2000g (สองแถว) ก็เพียงพอแล้ว มีอาหารฟื้นฟูพลังงานและเลือดติดไปซักหน่อย เช่น Salmon berry ซักกองหรือยอมซื้อ Salad มาซัก 1-2 จานเวลาจวนตัวก็ได้จ๊ะ ถ้าช่องเก็บของเต็มอาจจะต้องยอมทิ้งของซักหน่อย ก็ไล่จากของที่ไม่ค่อยได้ใช้อย่าง Fiber หรือ Monster Meat, Slime พวกนี้ไปก่อนก็ได้ ที่สำคัญคือควรมีหินติดตัวไว้ซัก 100 ก้อนเสมอ เมื่อเจอปัญหาฉุกเฉินจริงๆจะได้สร้างบันได(Staircase)เพื่อเผ่นลงไปชั้นต่อไป – หนีออกจากเหมืองได้ (ทำการวางบันได ลงไปชั้นต่อไปแล้วกลับขึ้นมาทันที)
สิ่งที่เป็นอันตรายจริงๆในเหมืองคือช่วงที่มีหมอกสีต่างๆมาปกคลุมชั่วคราวต่างหาก โดยอาการนี้จะเกิดขึ้นแบบสุ่ม เมื่อเกิดขึ้นแล้ว เกมจะทำการสร้างศัตรูชนิดบินได้ของระดับชั้นนั้นๆเข้ามาโจมตีผู้เล่นอย่างต่อเนื่องจำนวนมาก เมื่อผู้เล่นกำจัดได้หมดหรือหนีไปชั้นอื่นก็จะหายไป แม้ว่าในชั้นแรกๆอาจจะไม่อันตรายนัก แต่หากเผลอก็อาจจะลงไปนอนโรงหมอได้เหมือนกัน การที่แนะนำให้พกหินติดตัวไปด้วยข้างต้นจึงมีไว้เผื่อสำหรับการนี้ส่วนหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะทำการไล่ขุดหาแร่ก่อนหรือจะพิชิตเหมืองก่อนก็ได้ โดยถ้าตั้งใจหาแร่ก่อน ก็จะทำให้เราหาแร่ที่ต้องการได้มากกว่า ในขณะที่การพิชิตเหมืองก่อนก็จะทำให้เรามีของช่วยรับมือศัตรูในเหมืองได้ดีขึ้น
ทักษะที่เกี่ยวข้องกับการขุดเหมืองและการต่อสู้
ทักษะทั้ง 5 อย่างที่ผู้เล่นมีติดตัวและสามารถ up level ได้นั้น ในส่วนของทักษะที่ผู้เล่นลงเหมืองแล้วจะได้รับมาก็จะมี Mining (การขุดเหมือง) และ Fighting (การต่อสู้) เป็นหลัก แต่ละทักษะก็จะมีให้เลือกสายแยกไปอีกสองสามย่อยที่เลเวล 5 และ 10 ตามลำดับกันไป เมื่อเลือกสายหนึ่งแล้วก็จะสลับไปอีกสายหนึ่งไม่ได้ ดังนั้นเลือกให้ตรงกับที่ตัวเองต้องการดีๆล่ะ
► Mining – จะทำให้เราเสียพลังงานในการขุดหินน้อยลงเล็กน้อยต่อเลเวล จะได้ค่าประสบการณ์เมื่อเราขุดหินหรือสินแร่ต่างๆ (ระเบิดไม่นับจ๊ะ)
– Miner (level 5) : ทำให้เวลาเราขุดสินแร่ทองแดง เหล็ก ทองหรืออิริเดี่ยม จะได้รับแร่นั้นๆเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน 1 ชิ้น
— Blacksmith (level 10) : ทำให้เราสามารถขายแร่ที่หลอมเป็นแท่งแล้วได้แพงขึ้น 25%
— Prospector (level 10) : ทำให้เรามีโอกาสสุ่มได้รับถ่านจากการขุดหินเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
– Geologist (level 5) : ทำให้เรามีโอกาสได้รับแร่ดิบ Geode ทุกชนิดทีละ 2 ชิ้นบ่อยขึ้นมาก
— Excavator (level 10) : เพิ่มโอกาสในการที่เราขุดหินแล้วจะได้รับ Geode ต่างๆเป็นเท่าตัว
— Gemologist (level 10) : ขายอัญมณี (Mineral) ต่างๆได้แพงขึ้น 30%
► Fighting – ช่วยเพิ่มพลังชีวิตของเรา 5 หน่วยต่อเลเวล จะได้รับค่าประสบการณ์เมื่อเรากำจัดศัตรูได้
– Fighter (level 5) : เพิ่มพลังชีวิตให้ 15 หน่วยและเพิ่มพลังโจมตีให้อีก 10%
— Brute (level 10) : เพิ่มพลังโจมตีขึ้นไปอีก 15%
— Defender (level 10) : เพิ่มพลังชีวิตขึ้นไปอีก 25 หน่วย
– Scout (level 5) : มีโอกาสโจมตีติดคริติคอลมากขึ้น 50% (ไม่ใช่โจมตีไปมีโอกาส 50% ที่จะติดคริติคอลนะจ๊ะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ))
— Acrobat (level 10) : ทำให้ต้องรอเวลาที่จะใช้ท่าพิเศษจากการคลิ๊กขวาน้อยลงครึ่งหนึ่ง สามารถใช้ได้ต่อเนื่องมากขึ้น
— Desperado (level 10) : เมื่อเราโจมตีติดคริติคอลจะมีความรุนแรงมากขึ้นเป็น 10 เท่า (จากเดิม 2 เท่า)
ถ้าว่ากันตรงๆแล้ว แนะนำค่อนข้างยากเพราะสายเหมืองกับสายต่อสู้นี้ผู้สร้างเกมได้แยกกลุ่มไว้เป็นแนวทางความชอบเลยจริงๆ เช่นสาย Miner จะเน้นทางความมั่นใจในการได้รับแร่ที่เยอะขึ้น ในขณะที่สาย Geologist จะเหมาะกับคนที่ชอบเสี่ยงโชค
ในทางเดียวกันสาย Fighter ก็เช่นกัน ผู้เล่นจะได้รับค่าพลังเป็นหน่วยชัดเจน ส่วนสาย Scout จะได้ความระทึกที่ได้เห็นตัวเละสวยๆเด้งมาทีเดียวศัตรูสลายเป็นวุ้นไป ดังนั้นหมาก็คงได้แต่แนะนำว่าให้เลือกตามที่ตัวเราชอบจริงๆจะดีกว่าจ๊ะ ต่อให้เทียบกับเพื่อนแล้วดูด้อยกว่าแต่การได้เล่นอะไรที่เราชอบจริงๆ เป็นสิ่งที่ทำให้เราสนุกกับเกมมากกว่าเยอะ
ภารกิจการล่าของนักผจญภัย
หลังจากที่ Marlon มอบดาบให้กับเราแล้ว เราจะสามารถเข้ามาเยี่ยมลุงแกได้อีกในสมาคมนักผจญภัย (เปิด 2pm-10pm) โดยเขาจะขายอาวุธและเครื่องป้องกันต่างๆให้กับเรา ส่วนกระดาษที่แปะกับเสาข้างๆจะมีแจ้งประกาศภารกิจกำจัดศัตรูอยู่
ในประกาศจะมีแจ้งศัตรูต่างๆที่เราต้องกำจัดให้ทราบ (ช่วยกันทำให้ที่นี่ปลอดภัยเถอะ) ซึ่งจะแสดงเป็น จำนวนที่เรากำจัดไปแล้ว / จำนวนที่ต้องการ หากเรากำจัดศัตรูที่กำหนดได้ตามในใบประกาศนี้แล้ว จะสามารถรับรางวัลได้กับ Gil ที่นั่งม้าโยกอยู่ข้างๆได้ และ Marlon เองก็จะขายของชนิดเดียวกันเผื่อกรณีผู้เล่นต้องการอีกชิ้นหรือทำหายได้
Slime Charmer Ring – ทำให้สไลม์โจมตีเราไม่ได้ และไม่ติดสถานะหนืดจากสไลม์
Savage Ring – เมื่อกำจัดศัตรูได้ เราจะวิ่งเร็วขึ้น 2 วินาที
Vampire Ring – เมื่อกำจัดศัตรูได้ เราจะได้รับพลังชีวิตกลับมาเล็กน้อย
Skeleton Mask – หมวกใส่เก๋ๆรูปหัวกระโหลกเต็มหัว
Insect Head – อาวุธชนิดดาบ พลังโจมตีต่ำเล็กน้อย แต่ถ้าได้มาตั้งแต่แรกจะช่วยได้เยอะ
Hard Hat – หมวกใส่เก๋ๆทรงหมวกนิรภัย
Bungler’s Ring – มีโอกาสได้รับไอเท็มเพิ่มเติมเมื่อกำจัดศัตรูได้ (ทำการสุ่มของที่จะได้อีกครั้ง)
อนึ่ง ศัตรูในรายการนี้จะเรียกเป็นชื่อรวม ดังนั้นจะเป็นสีต่างกัน อยู่ในเหมืองต่างที่หรือแม้แต่เพาะสไลม์เลี้ยงในฟาร์มก็จะนับเป็นศัตรูชนิดนั้นๆ หมดจ๊ะ
หากินกับของในเหมือง
ในเหมืองนั้นเราจะลงไปเพื่อหาแร่ต่างๆเป็นหลัก แต่อย่างไรก็ตาม เพชรพลอยและอัญมณีต่างๆก็มีราคาที่ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น Ruby, Emerald หรือแม้แต่เห็ดที่มีมูลค่าสูงอย่าง Purple Mushroom ก็จะหาเจอได้จากเหมืองชั้นลึกๆเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เพื่อความสมดุลย์ของเกม ทำให้ในชั้นแรกๆของเหมืองนั้นผู้เล่นจะมีโอกาสเจออัญมณีราคาแพงได้น้อย แต่ก็ยังเอามาใช้สอยหาประโยชน์ช่วยเรื่องเงินๆทองๆได้อยู่ แม้กระทั่งแร่เหล็กต่างๆหากมีเกินความต้องการก็สามารถนำมาหลอมเป็นแท่งขายหากินได้ หมาเองก็ชอบเอาทองแท่งมาขายละ แท่งละ 250 เวลาขัดสนหรือต้องการเงินด่วนนี่แหละช่วยได้เยอะเลย
- ชั้นแรกๆที่เป็นดินนั้น ผู้เล่นจะพบเจอ Quartz, Topaz, Amethyst เป็นส่วนใหญ่ มูลค่าไม่สูงนัก เหมาะแก่การเอาไปเป็นของขวัญให้ชาวเมืองมากกว่า (อ้าว)
- เมื่อเริ่มลงมาชั้นหิมะ จะเจอกับ Frozen Tear, Aquamarine, Jade ที่มีมูลค่ามากขึ้น และเริ่มมีโอกาสเจอ Diamond บ้างแล้ว
- จนเมื่อสุดที่ชั้นลาวา ผู้เล่นจะเจอ Fire Quartz, Emerald, Ruby ที่มีมูลค่าสูง ทำเงินได้ดี และมีโอกาสพบเจอชั้นที่เต็มไปด้วยเห็น Red Mushroom, Purple Mushroom บ่อยกว่าชั้นแรกๆมาก
ผู้เล่นควรจะบริหารช่องเก็บของให้ดี หากช่องเต็มควรจะทิ้งอะไรถึงจะเก็บของที่มีประโยชน์ให้ได้มากที่สุดหรือต้องการที่สุดในเวลานั้นน่อ
คนแคระ
บางคนอาจจะสังเกตุเห็นว่าหมามีชี้ทางไปจีบคนแคระ หรือมีหินกั้นทางเดินทางขวาอยู่ หินนี้จะสามารถเจาะทำลายได้ด้วย pickaxe ที่ผ่านการ upgrade มาแล้ว หรือใช้ระเบิดอะไรก็ได้ทำการระเบิดเปิดทางเข้าไป ข้างในนั้นผู้เล่นจะพบกับคนแคระนั่งรอผู้มาเยือนอยู่
แต่ทว่า!!! การจะคุยกับคนแคระได้นั้น จำเป็นจะต้องค้นหา Artifact 4 ชิ้นเป็นม้วนกระดาษผูกด้วยริบบิ้น 4 สีไปบริจาคให้ทางพิพิธภัณฑ์เสียก่อน
สำหรับม้วนคัมภีร์เหล่านี้จะหาได้จากในเหมืองชั้นต่างๆ จาก monster บ้าง จากการตีลังไม้หรือแม้แต่การใช้จอบขุดดินหรือทรายในเหมืองก็มีโอกาสได้รับ เช่นกัน
เมื่อบริจาคครบแล้ว Gunther จะมอบ Dwarvish Translation Guide ให้เรามาใน Wallet ติดตัวละครเลย หลังจากที่ได้รับมาแล้ว ผู้เล่นก็จะสามารถคุยกับคนแคระได้ ซึ่งเขาจะขายระเบิดต่างๆและของเล็กๆน้อยๆรวมถึง Rarecrow หนึ่งใน 8 ตัวอีกด้วย
ในครั้งต่อไปหมาจะมาแนะนำเกี่ยวกับเหมืองกระโหลกที่โหดร้ายป่าเถื่อนกันอีกครั้ง ตอนนี้หยิบที่เจาะหินไปขุดกันให้สะใจก่อนโล้ด