แม้ว่าในปกติแล้ว เพื่อนๆ จะสามารถโลดเล่นไปใน Night City ภายในโลกของ Cyberpunk 2077 ได้อย่างสบายใจอิสระค่อนข้างจะเต็มที่แล้ว จะว่าด้วยการทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยระหว่างที่ทำเนื้อเรื่องหลักไปพลางก็ตามที แต่เมื่อหากดำเนินเนื้อเรื่องหลักไปจนถึงจุดๆ หนึ่งแล้วนั้น ตัวเกมจะบังคับให้เดินเนื้อเรื่องส่วนนั้นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงจุดจบ ทำให้ไม่มีโอกาสทำอะไรอย่างอื่นได้อีก ดังนั้นแล้วมันอาจจะเป็นการดีที่เพื่อนๆ จะเก็บ Side Quest หรือเควสย่อยบางอย่างเสียก่อนจะถึงจุดๆ นั้น
เควสที่น่าทำก่อนถึงจุด Point of No Return
โชคดีที่ก่อนที่เพื่อนๆ จะเจอกับจุดที่ไม่อาจจะย้อนกลับนี้ได้อีกในเนื้อเรื่องหลัก ตัวเกมก็จะมีการแจ้งเตือนให้ทราบตัวใหญ่ๆ “Point of No Return” (ไม่อาจย้อนกลับได้อีก) บนหน้าจอให้ทราบ เพื่อให้เพื่อนๆ ได้รู้ตัวว่า เอาล่ะนะ นี่คือจุดสุดท้ายของเกมแล้วนะ ถ้ายังมีอะไรค้างคาให้กลับไปทำให้หมดซะก่อน
ซึ่งในขณะที่ตัวเควสย่อยส่วนมากนั้นไม่มีผลอะไรพิเศษและสามารถข้ามไปได้ชิวๆ แต่บางเควสนั้นก็มีผลค่อนข้างมากต่อเนื้อเรื่องและคงน่าเสียดายถ้าเผลอข้ามไป ในบทความนี้ก็จะพูดถึงเควสย่อยต่างๆ ที่ควรไปลุยซะก่อนจะถึงจุดที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีก
คำเตือน : เนื้อหาด้านล่างนี้จะมีการ Spoil เนื้อหาบางส่วน
เควสของ Panam
Riders On The Storm, With A Little Help From My Friends, Queen of the Highway
หลังจากที่เคลียร์เนื้อเรื่องหลัก Ghost Town และ Life During Wartime แล้วนั้น จะมีช่วงที่เพื่อนๆ ได้รับการติดต่อจาก Panam ที่ขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม ตรงนี้จะให้เราช่วยเหลือ Nomad จาก Raffen Scavenger camp ตามด้วยการช่วย Panam ในงานของเธอ (เข้าข้าง Panum ให้เต็มที่เวลาที่มีตัวเลือกอะไรขึ้น จะทำให้ปลดล๊อคตัวเลือกจีบเธอได้ ถึงเธอจะสนแต่คนกล้ามโตเสียงโดนใจก็ตาม)
ถ้าจะจีบจริงๆ ให้พยายามจีบตอนเควส Riders on the Storm โดยแนะนำให้เธอถอดรองเท้าและอย่าไปหาเรื่อง Saul ในเควส With A Little Help From My Friends และพยายามเลี่ยงไม่ตอบว่าช่วยเธอเพราะอยากได้เงิน
ในเควส Queen of the Highway จะเป็นช่วงที่เพื่อนๆ จะได้แอ้มเธอ รวมถึงการเปิด safe house ใน Aldecaldo camp ให้ใช้งานได้ด้วย การจบเควสชุดนี้ของ Panam (ไม่จำเป็นต้องจีบก็ได้) จะส่งผลต่อฉากจบด้วย
เควสของ Judy
Both Sides Now, Ex-Factor, Talkin’ ‘Bout A Revolution
หลังจากผ่านเควสหลัก Automatic Love แล้วจะมีโอกาสที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับ Judy ซึ่งทั้งสามเควสนี้จะเป็นเควสที่ Judy วางแผนที่จะปลดปล่อย Clouds จากบอสและพวกแก๊งค์ Tyger Claws ซึ่งในการเดินเควสของ Judy นั้นให้พยายามอาสาช่วยเหลือเธอให้เต็มที่และสนับสนุนไอเดียต่างๆ ของเธอ
Pisces, Pyramid Song
หลังจากวางแผนแล้ว ให้ไปยัง penthouse ของพวก Tyger Claw และพยายามเกลี้ยกล่อมให้เลิกยุ่ง แม้ว่าจริงๆ แล้วจะทำไงก็ได้ก็ตาม แต่ตัวเลือกในตอนสุดท้ายจะส่งผลต่อความสัมพันธ์กับเธอ (เธอชอบคนที่หุ่นสาวน้อยหน่อย) ในตอนจบภารกิจนี้จะมีตัวเลือกระหว่างไม่ทำตามแผนของ Maiko หรือทำตามและไม่รับค่าตอบแทนตอนจบ
ในเควสนี้จะเป็นเควสที่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอพร้อมกับปลดล๊อคห้องพักของเธอให้ใช้เป็น Safe house ได้เช่นกัน
เควสของ River
I Fought The Law
การจะเริ่มเควสของ River นั้นจะต้องผ่านเนื้อเรื่องหลัก Ghost Town และ Life During Wartime รวมถึงมี Street Cred ระดับหนึ่งโดยเฉพาะใน Heywood, City Center หรือ Westbrook จากนั้นจะได้รับการติดต่อจาก Elizabeth Peralez ให้เล่นในเควส I Fought The Law นี้ การรับเควสมาก็จะเปิดตัวเควสชุดของ River
The Hunt
หลังผ่านเควส I Fought The Law มาแล้วก็จะได้รับการติดต่อจาก River อีกครั้งให้เราช่วยเหลือเพิ่มเติม ซึ่งเขาจะขอให้หาข้อมูลของโจรลักพักตัวที่ชื่อ Peter Pan เป้าหมายของภารกิจนี้จะเป็นการตามหาตัว Randy หลานของ River ผ่านการหาข้อมูลหลายขั้นตอน โดยหลักๆ ก็จะอยู่ที่การตามหาที่อยู่ของ Peter Pan ผ่านเบาะแสต่างๆ หรือแฮคคอมของ Randy (ถ้าค่า Intelligence พอล่ะก็นะ) หากมีเบาะแสเพียงพอแล้ว River จะพาไปยังฟาร์มเป้าหมายให้ทันท แต่ถ้าไม่ก็อาจจะต้องเดาหน่อย ซึ่งถ้าเดาผิด ก็จะทำให้ไม่สามารถจีบ River ได้อีก
ถ้าต้องเดา ก็ให้ตอบ Edgewood
Following The River
เควสสุดท้ายของเขาจะมีโอกาสให้พัฒนาความสัมพันธ์ (ถ้าไม่โดนล๊อคไปก่อนหน้านี้) แต่มีโอกาสจีบได้เฉพาะถ้ามีหุ่นแบบสาวๆ และช่วยชีวิต Randy ได้สำเร็จนะ
เควสของ Johnny
Chippin’ In
ตัวเควส Chippin’ In จะเปิดให้เล่นต่อเมื่อผ่านเนื้อเรื่องหลัก 4 อย่างดังนี้แล้ว
- Automatic Love (Judy)
- Life During Wartime (Panam)
- Transmission (Voodoo Boys)
- Search and Destroy (Takemura)
เราจะได้คุยกับ Johnny ผ่าน Tapeworm และเปิดเควสเกี่ยวกับชีวิตของเขาให้ โดย Chippin’ In จะเป็นเควสแรก ให้ไปที่ Afterlife และเปิดประเด็นได้เลย พร้อมกับให้ Johnny ยึดที่นี่ระหว่างที่กำลังเฮฮากันอยู่ เมื่อจบเควสนี้จะได้รับ Malorian Arms (ปืนพกของ Johnny) และ Porsche ของเขาคันนึง ถ้ายอมไว้ชีวิตของ Grayson ตอนจบ
หลังจากนี้หากต้องการทำเควสที่เหลือต่อ ให้เลือกตอบให้เป็นมิตรกับ Johnny ที่สุดในเควส Wrap-up เพราะถ้าไม่เป็นเพื่อนกับเขาแล้วก็ไปต่อไม่ได้ละ
Blistering Love
หลังจากเควส Chipping’ In ถ้าเราเป็นมิตรกับเขาพอ เขาจะขอให้เราช่วย โดยขอให้เราช่วยให้เขาคืนดีกับ Rogue ที่ย้อนกลับไปช่วง 2020 เลย การผ่านเควสได้จะทำให้มีโอกาสทำเควสเพิ่ม และส่งผลกับฉากจบด้วย
Holdin’ On, Second Conflict, A Like Supreme
เควสต่อจากนี้จะเป็นการให้เราทำงานกับทีมของเขา ซึ่งเป็นพวกที่ค่อนข้างขวานผ่านซาก แต่ก็ช่วยให้เราพัฒนาความสัมพันธ์กับ Johnny ได้ และปลดล๊อคเควสของ Kerry เพิ่มเติมที่ก็ควรทำเช่นกัน
เควสของ Kerry
Rebel! Rebel!, I Don’t Wanna Hear It, Off The Leash, Boat Drinks
เควสของ Kerry นั้นก็จะมีหลายเควสพอสมควร ถ้าผ่านเงื่อนไขก็จะสามารถจีบได้อีกด้วย (ต้องกล้ามหนานะเอ้อ) โดยเควสต่างๆ จะเน้นการพูดคุยกว่ามากกว่าไล่ถล่ม หากเพื่อนอยากพัฒนาความสัมพันธ์กับเขาแล้ว ใน Boat Drinks ให้จูบทันทีเมื่อมีโอกาสและเลือก Pencil me In เมื่อคุยกับเขาบนชายหาด
เควสอื่นๆ ที่แนะนำให้ทำเพิ่มเติม
เควสเหล่านี้เป็นเควสที่ไม่ได้จำเป็นต้องทำ ไม่ได้ส่งผลต่อเนื้อเรื่องตอนจบ แต่ก็น่าสนใจ บางเควสก็มีอะไรดีๆ บางเควสก็สนุก ดังนั้นลองแวะเวียนไปทำดูก็ไม่เสียหายแต่อย่างใดหากเพื่อนๆ อยากเก็บอะไรเพิ่มเติมล่ะนะ
Fool On The Hill
เควสนี้จะต้องฟาร์มพอสมควร แต่ก็จะให้เพื่อนๆ ได้เห็นภาพรวมของเนื้อเรื่องมากขึ้น โดยจะต้องตามหาภาพ graffiti 20 ชิ้นที่กระจายไปทั่วเมือง แต่ละชิ้นจะสื่อถึงไพ่ทาโร่ห์ เมื่อเจอแล้วให้คุยกับ Misty ที่อยู่ข้างหน้าของ ripper doc Vik (สองใบสุดท้ายจะอยู่ช่วงใกล้จบเกม)
แม้ว่าเควสนี้จะไม่จำเป็นต้องทำ แต่จะทำให้เข้าถึงเนื้อหาหลักของตัวเกมได้พอสมควร
Heros
เควสนี้จะช่วยเฉลยอะไรหลายๆ อย่างขององค์ที่ 1 ในเนื้อเรื่องหลัก โดยเมื่อจบ heist แล้ว ให้คุยกับ Delamain และบอกให้เขากลับไปยังบ้านของ Jackie หลังจากนั้นซักพักจะได้รับการติดต่อจากแม่ของเขา Mama Welles และเปิดเควสนี้
เควสนี้มีค่าตอบแทนเป็นมอเตอร์ไซด์สวยๆ คันหนึ่ง แม้จะไม่มีอะไรพิเศษมากกว่านั้นแต่จุดที่น่าสนใจจริงๆ ก็อยู่ที่การช่วยเฉลยเรื่องราวและทำให้ความสัมพันธ์ของตัวละครหลักในองค์ที่ 1 กับช่วงต้นองค์ที่ 2 ดีขึ้นได้
Tune Up, Epistrophy
ตอนเริ่มองค์ที่ 2 ถ้าไปยังลานจอดรถที่บ้านพักของเรา ซักพักรถของ Delamain ที่รวนจะพุ่งมาเสยรถเรากระจุย ก่อนจะได้รับการติดต่อจากเขาว่าให้มาที่บริษัทแทคซี่เพื่อรับการเยียวยา(และซ่อมรถของเรา) พร้อมกับยัดเราให้ช่วยหารถคันอื่นของเขาที่รวนด้วย
ตรงนี้จะเป็นการเปิดเควสชุดภายในชื่อ Epistrophy ซึ่งค่อนข้างสนุกอยู่ และได้ไปทั่วเมืองกันเลย ค่าตอบแทนก็ค่อนข้างดี จบไว เปลี่ยนบรรยากาศจากเนื้อเรื่องหลักของเกมที่ค่อนข้างหนักได้ดี แถมมี cameo สนุกๆ จากตัวละครร้ายยอดนิยมด้วยนะเอ้อ
Happy Togerther
เควสนี้จะทำให้เพื่อนๆ ได้เห็นว่า Night City เป็นยังไงสำหรับคนทั่วไปในเมืองนี้ ซึ่งเควสนี้จะอยู่ชั้นล่างของห้องพักของเรา โดยเราจะเจอตำรวจกำลังเคาะประตูเพื่อนบ้านอยู่ หลังจากพยายามเคาะบ้างแล้ว ให้ออกไปในเมืองและกลับมาในอีกหลายชั่วโมงให้หลัง Berry จะตอบเสียงเคาะของเราบ้างและสามารถคุยกับเขาได้
ตรงนี้ก็อยู่ที่ว่าเพื่อนๆ ตอบเขาอย่างไร จะเล่นไปได้ประมาณไหน และให้ความสนใจกับเควสนี้ขนาดไหน เพราะมีฉากจบหลายแบบอยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เวลามีผลเป็นอย่างมากหลังเริ่มทำเควสนี้ เพราะงั้นถ้าเริ่มแล้ว ไปให้จบอย่าปล่อยทิ้งไว้
Send In The Clowns
หลังกจากผ่านเนื้อเรื่องหลัก Transmission แล้วจะเปิดเควสนี้ได้ ซึ่งเพื่อนๆ จะได้เจอคนโคตรแปลก แนวสุดในเมือง Ozob Bozo และมีโอกาสได้ไปเฮฮากับเขาซักพัก รวมถึงอาจจะได้ตีกัน(และเผลอเชือดทิ้ง)ในเควส Beat Up The Brat อีกด้วย
Sinnerman + They Won’t Go When I Go
หนึ่งในเควสที่ค่อนข้างสุดๆ ในเกมนี้ก็คงไม่พ้นเควสนี้ ซึ่งจะไม่ขอเล่าอะไรมากดีกว่า นอกจากเป็นเควสที่จะพูดถึงเกี่ยวกับความเชื่อและเทคโนโลยีของโลกของ Cyberpunk นี้ ซึ่งเป็นเควสที่จัดหนักมาก เมื่อจบเควส Sinnerman แล้ว ก็จะต่อเควส They Won’t Go When I Go กันต่อหากเพื่อนๆ ไม่เลือกตัวเลือกที่จะยุติเควสเสียก่อน
Dream On
หลังจากจบเควส I Fought The Law ของ River แล้วจะมีเควส Dream On ให้ทำ ซึ่งเป็นเควสเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นของ Jefferson Peralez และ Elizabeth ตัวเควสนี้มีหักมุมค่อนข้างเยอะและต้องพยายามไขปริศนากันพอสมควร เสียดายที่คำตอบของเราไม่ส่งผลมากนัก แต่ตัวเควสเป็นอะไรที่น่าสนใจค่อนข้างมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเรื่องของความถูก ความผิดหรือการพยายามเชื่อใจใคร