วันพุธ, มกราคม 8, 2025
หน้าแรกPC NewsNeed For Speed : Heat การกลับมาที่ดีกว่าเดิมของซีรีย์ NFS

Need For Speed : Heat การกลับมาที่ดีกว่าเดิมของซีรีย์ NFS

Need For Speed เกมแนว Arcade Racing ที่อยู่คู่กับเกมเมอร์มานานมากกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งชื่อเสียงของซีรีย์นี้ก็เป็นที่เลื่องลือกันในเรื่องความสนุกและการปรับแต่งรถอย่างอิสระ เรียกได้ว่าเป็นซีรีย์ที่เป็นที่หนึ่งในใจของหลายๆคนเลยทีเดียว

แต่เหมือนกับว่าทาง EA จะเดินทางผิดมานานกับซีรีย์นี้ ทำให้หลายๆภาคของ NFS โดนกระแสวิจารณ์ในแง่ลบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาคล่าสุดอย่างภาค Payback ที่เป็นที่ผิดหวังอย่างมากสำหรับแฟนของเกมนี้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่ธรรมดาและบทพูดที่ค่อนข้างจะไม่มีเหตุผล ระบบ Customization ที่เป็นจุดเด่นของเกมก็ทำออกมาได้ไม่ดีเรียกได้ว่ายุ่งยากเลยทีเดียว กลับกลายเป็นว่าภาคก่อนหน้าที่ชื่อว่า Need For Speed ที่เป็นภาคที่รีเมคมากลับทำออกมาดีซะงั้น ภาคนี้จึงกลายเป็นความหวังของผู้เล่นว่าจะออกมาแย่เหมือนภาคที่แล้วหรือเปล่า

แต่ผิดคาด Need For Speed:Heat กลับทำออกมาได้ดี เรียกได้ว่าดึงศักดิ์ศรีของ EA กลับมาเลยทีเดียว เรียกได้ว่า EA กำลังกลับมาเส้นทางของตัวเองที่ถูกต้อง เพราะ NFS สำหรับหลายๆคนภาคที่สนุกและมีจุดเด่นและเส้นทางที่ชัดเจนจริงๆก็คือภาค NFS:Underground 1 & 2 และ ภาค Most Wanted ซึ่งทั้งภาคโดดเด่นเรื่องการแต่งรถอย่างอิสระ แสงสี และระบบการไล่ล่าของตำรวจที่แสนตื่นเต้น ภาคนี้ได้ดึงจุดเด่นออกมาแทบจะทั้งหมด เรียกได้ว่าอะไรที่ดีๆเอามาแทบจะหมด เรียกได้ว่าลบคำสบประมาทจากเหล่าเกมเมอร์ได้เลยทีเดียว

มีอะไรเปลี่ยนไปบ้างใน Need For Speed : Heat

สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดที่แทบจะคล้ายกันเลยในทุกภาคก็คือ เนื้อเรื่องที่เป็นเส้นตรงไม่ได้มีความหวือหวาหรือน่าสนใจอะไรเท่าไรนัก ภาคนี้ก็เช่นกัน แต่จุดที่เปลี่ยนไปเห็นได้ชัดที่สุดคงจะเป็นระบบกลางวันและกลางคืน ที่จะมีระบบการเล่นที่แตกต่างกันแทบจะสิ้นเชิง

โดยที่รูปแบบการเล่นในตอนกลางวันจะเน้นการเล่นแบบสบายๆ ไม่ต้องกดดันอะไรมากมายแต่จะได้รับรางวัลเป็นแค่เงินที่ใช้ในการแต่งรถแทน ส่วนระบบการเล่นในตอนกลางคืนจะเน้นระบบการเล่นที่ตื่นเต้นและกดดันกว่า จะไม่ได้รับเงินรางวัลแต่จะได้ในส่วนของค่าชื่อเสียงเพื่อมาเพิ่มเลเวลของเรา

เสน่ห์ของ Need For Speed : Heat

เสน่ห์ของเกมนี้คงหนีไม่พ้นรูปแบบการเล่นแบบใหม่ที่ไม่เหมือนในภาคก่อนๆ ที่เคยได้สัมผัสมา รูปแบบการเล่นในสองบรรยากาศที่ให้ความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพิ่มทางเลือกให้กับผู้เล่นได้อย่างอิสระในทุกๆ ด้าน การแต่งรถที่มากกว่าเดิม ละเอียดมากขึ้น และยังเอาใจสายแฟชั่นโดยในภาคนี้เรายังสามารถแต่งตัวของคนขับได้อีกด้วย

Overall

Graphics

ในเรื่องของกราฟิกภาคนี้เรียกได้ว่าจัดเต็มตามยุคตามสมัย บอกได้เลยใครคอมแรงสามารถปรับสูงสุดได้ในระดับ 8K เลยทีเดียว นอกจากนี้สภาพแวดล้อมภายในเกมก็ถือว่าทำออกมาได้ดี ทั้งในส่วนกลางวันและกลางคืน ตึกและถนนต่างๆมีรายละเอียดที่ชัดเจน ถึงอาจจะมีบางส่วนที่น่าหงุดหงิดไปบ้าง เช่น รอยต่างของรถที่เกิดขึ้นได้ง่ายมากๆ เป็นต้น

คะแนน 9.5/10 ถึงรถจะเป็นรอยไปหน่อย แต่บรรยากาศโดยรวมมันสวยจริงๆเลยยย

Gameplays

ระบบการเล่นในภาคนี้ยังเหมือนเดิมคือการเล่นเนื้อเรื่องจบ แต่งรถ และทำลายสถิติต่างๆ แต่ที่ดูจะแตกต่างจากภาคก่อนๆ คือระบบการเล่นแบบ 2 ช่วงเวลาคือ กลางวันและกลางคืน โดยที่ตอนกลางวันนั้นเราจะได้แข่งในรายการของ Speed Hunters Showdown ซึ่งเป็นการแข่งที่ถูกกฎหมาย บรรยากาศรอบๆ เวลาเราเล่น เราจะได้ยินเสียงเชียร์จากเส้นชัย แสงแดดจากพระอาทิตย์ ความรู้สึกที่ผ่อนคลายเนื่องจากในเวลากลางวันจะไม่มีตำรวจมากวนใจเราเลย (เรียกได้ว่าไม่มีเลยจะดีกว่า) ซึ่งผลตอบแทนของเราจะเป็นเงินที่ใช้ในการอัพเกรดรถของเรา ส่วนเวลาในตอนกลางคืน จะเป็นการแข่งขันแบบข้างถนน (เรียกได้ว่าผิดกฎหมายกันแบบสุดๆ ) รูปแบบการเล่นในตอนกลางคืนนั้นเป็นการเล่นที่ค่อนข้างมีความกดดดันพอสมควร เพราะว่าในตอนกลางคืนนี้ ตำรวจจะคอยไล่ตามเราแทบจะตลอดเวลา (ตำรวจไล่โหดมากๆ ) บรรยากาศโดยรอบในตอนกลางคืนนี้ จะเน้นไปทางแสงไฟนีออนสวยงาม และผลตอบแทนของเราจะเป็นค่าชื่อเสียงที่ใช้ในการอัพเลเวลเพื่อปลดล็อครถและอะไหล่ใหม่ๆ

เรื่องการบังคับมีระบบ Live Tuning เรียกได้ว่าเราสามารถเปลี่ยนการบังคับได้แทบจะตลอดเวลา ตามสถานการณ์และความถนัดของเราได้เลย เรียกได้ว่าค่อนข้างมีประโยชน์และสะดวกมากๆ

คะแนน 8/10 ตำรวจโหด ระบบจูนมีประโยชน์ รถดริฟยากไปนิดหรือผมกากเอง -..-

Sounds

อีกจุดเด่นของเกมซีรีย์ NFS ก็คือเพลงประกอบ ภาคนี้เพลงประกอบขอยอมรับเลยว่าทำออกมาค่อนข้างโอเค โดยเพลงประกอบจะแบ่งออกเป็นสองช่วงเวลาอีกเช่นเดียวกัน ช่วงเวลากลางวันจะเป็นเพลงแนวออกชาวเกาะๆหน่อย อารมณ์เหมือนเร็กเก สกา อะไรแบบนั้น ส่วนช่วงเวลากลางคืนจะเป็นแนวฮิพฮอพจังหวะเร้าใจ ให้ความตื่นเต้น

นอกจากเสียงดนตรีแล้วยังมีเสียงท่อให้ปรับแต่งกันอีกด้วย นี่ก็เป็นส่วนที่ดีส่วนนึงของภาค Payback (อย่างน้อยก็ยังมีจุดดีบ้าง) ใครที่อยากปรับแต่งเสียงท่อตามสไตล์ตัวเอง เราก็สามารถปรับได้อย่างอิสระ ถือว่าตอบโจทย์สายซิ่งเลยทีเดียว

นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดจากความสนุกที่ผมไปสัมผัสมา ประสบการณ์การเล่นจริงๆ มีอะไรให้ทำอีกมากมายทั้งภารกิจเล็กๆ น้อยๆ ตามท้องถนนหรือแม้แต่การเล่นออนไลน์กับคนอื่นหรือเพื่อน ยังมีอะไรอีกมากมายที่รอให้ทุกคนเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถหาเล่นได้ทั้งในเวอร์ชั่น PC และ PS4

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

Most Popular

Recent Comments